- Home
- Blog
- ความรู้สำหรับสุภาพสตรี
- อาหารสำหรับมารดาตั้งครรภ์ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย
อาหารสำหรับมารดาตั้งครรภ์ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย
การตั้งครรภ์ทางการแพทย์แผนไทยนั้นได้มีการอธิบายไว้ในหัวข้อ “กุมารปฏิสนธิ” จากคัมภีร์ประถมจินดา กล่าวไว้ว่า “อันว่าสตรีทั้งหลายเมื่อจะตั้งอนุโลมปฏิสนธินั้น พร้อมด้วยบิดามารดากับธาตุทั้ง ๔ ก็บริบูรณ์พร้อม คือปถวีธาตุ ๒๐ อาโปธาตุ ๑๒ เตโชธาตุ ๔ วาโยธาตุ ๖ ระคนกันเข้า” คือเกิดเพราะโลหิตบิดามารดาผสมรวมกันโดยสมบูรณ์พร้อมด้วยธาตุทั้ง ๔ แพทย์สามารถสังเกตโดย ๑ เอ็นผ่านเส้นหน้าอกนั้นเขียว ๒ หัวนมนั้นคล้ำดำเข้า แล้วตั้งขึ้นเป็นเม็ดครอบหัวนม ซึ่งคนท้องส่วนมากจะมีอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกายในแต่ละเดือนที่ตั้งครรภ์แตกต่างกัน จึงสมควรกินอาหารที่เหมาะสมกับอาการเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามอายุครรภ์และอาหารที่แนะนำ
เริ่มตั้งครรภ์
แพทย์แผนไทย
เมื่อตั้งครรภ์ ๑๕ – ๓๐ วันจะแสดงอาการให้รู้ว่าตั้งครรภ์ขึ้นแล้ว คือจะมีเอ็นเขียวผ่านหน้าอก หัวนมนั้นคล้ำดำขึ้นและมีเม็ดรอบหัวนม
แพทย์แผนปัจจุบัน
ผลต่อการเปลี่ยนแปลงในหญิงตั้งครรภ์จาก Estrogen
- กระตุ้นให้มีการสะสม Melanin pigment ในเนื้อเยื่อทำให้สีผิวบริเวณส่วนต่าง ๆ เช่นที่ลานนม อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก และบริเวณเส้นกลางลำตัวจากลิ้นปี่ถึงหัวเหน่า (Linea nigra)
- กระตุ้นการทำงานของท่อน้ำนม ต่อมน้ำนมและหัวนม ทำให้เต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้นและคัดตึง
เดือนที่ ๑
แพทย์แผนไทย
ถ้าไข้รำเพรำพัด ให้ราก จุกในอุทร แดกขึ้นแดกลงเป็นกำลัง ละเมอเพ้อพกดังผีเข้า ไม่รู้เข้าใจว่าเป็นสันนิบาตหามิได้ บังเกิดโทษในครรภ์รักษานั่นเอง ให้แก้ตามบุราณเสียก่อน
แพทย์แผนปัจจุบัน
มีอาการแพ้ท้อง เต้านมจะใหญ่ขึ้น มีอาการคัดและเจ็บเต้านม อารมณ์จะเปลี่ยน หงุดหงิดง่าย
อาหารที่แนะนำ
- ต้มจืดเต้าหู้หมูสับใส่ตำลึง
- รากบัวเชื่อม
- น้ำขิง
เดือนที่ ๒
แพทย์แผนไทย
ถ้าเป็นไข้จับ จับเป็นเวลาทุกวันก็ดี ให้นอนไม่หลับ กินข้าวไม่ได้ เชื่อมมึน เว้นวันจับวันก็ดี ให้แก้ตามบุราณเสียก่อน
แพทย์แผนปัจจุบัน
คัดเจ็บตึงเต้านม เต้านมขยายขึ้นมากถ้าสังเกตจะเห็นว่าบริเวณฐานของหัวนมจะกว้างและนุ่มขึ้น มีตกขาวมากขึ้นกว่าปกติ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน อารมณ์ยังคงแปรปรวน อ่อนไหว และซึมเศร้า เหนื่อยล้า
อาหารที่แนะนำ
- ยำผักแว่น
- ไก่ผัดขิง
เดือนที่ ๓
แพทย์แผนไทย
ถ้าเป็นไข้ให้ลงและราก จุกเสียด แทงหน้า แทงหลังกินอาหารมิได้ นอนมิหลับ ถ้าเป็นดังนี้ให้เกรงลูกจะตกเสีย ให้แก้ตามบุราณเสียก่อน
แพทย์แผนปัจจุบัน
ยังมีการแพ้ท้องยังอยู่หรือดีขึ้น แต่อารมณ์เริ่มคงเส้นคงวา อาจตรวจพบเสียงหัวใจของเด็ก อาจพบการบวมของฝ่ามือฝ่าเท้า และเส้นเลือดโป่งได้
อาหารที่แนะนำ
- ชาชงเกสรบัวหลวง
- ชาชงขิง
เดือนที่ ๔
แพทย์แผนไทย
ถ้าเป็นไข้เพื่อเสมหะทำโทษต่าง ๆ และเป็นลมให้เหงื่อตก และตกโลหิตก็ดี ถ้าประชุมกันทั้ง ๔ สิ่ง เมื่อใดคือ สันนิบาต
แพทย์แผนปัจจุบัน
อาการแพ้ท้องจะเริ่มหายไป อารมณ์เริ่มเข้าสู่สภาพปกติ อาจมีสภาพใจลอย อาจมีตกขาวมากขึ้น เส้นเลือดขอดและริดสีดวงทวารอาจเกิดขึ้นได้
อาหารที่แนะนำ
- ปลากะพงนึ่งซีอิ๊วใส่ขิง
- ชาชงมะตูม
- น้ำย่านาง น้ำฟักข้าว
เดือนที่ ๕
แพทย์แผนไทย
ถ้าเป็นไข้ให้ลงราก จุกหน้า จุกหลังเป็นสิ่งใด ๆ ก็ดี ก็เป็นเพราะครรภ์รักษานั้นเอง
แพทย์แผนปัจจุบัน
มีการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนัง อารมณ์คงที่มากขึ้น ทารกในครรภ์เริ่มขยับตัว
อาหารที่แนะนำ
- ปลาทอดขมิ้น แกงเหลือง
- น้ำใบบัวบก
เดือนที่ ๖
แพทย์แผนไทย
ถ้าเป็นไข้ให้เจ็บแข้ง เจ็บขา เจ็บหน้าตะโพก และให้คันทวาร อุจจาระ ปัสสาวะ และเป็นลมจับเนือง ๆ
แพทย์แผนปัจจุบัน
เกิดการเปลี่ยนแปลงของผนังหน้าท้อง เรียกหน้าท้องลาย อาจมีอาการคันตามมา อาจเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ อาการครรภ์เป็นพิษ การอักเสบของการติดเชื้อราและติดเชื้อทางระบบปัสสาวะ
อาหารที่แนะนำ
- ต้มไข่พะโล้
- ปีกไก่อบเชย
- น้ำย่านาง
เดือนที่ ๗
แพทย์แผนไทย
ไข้ให้เป็นต่าง ๆ ให้ลง ให้รากโลหิตก็ดี แลให้ร้อนภายใน ให้เป็นไข้ไปต่าง ๆ
แพทย์แผนปัจจุบัน
อาจมีอาการหายใจสั้น เนื่องจากมดลูกโตมาดันกระบังลม เคลื่อนไหวไม่คล่องแคล่ว นอนหลับไม่เต็มที่
อาหารที่แนะนำ
- โจ๊กปลาใส่ขิง
- น้ำย่านาง
- เต้าฮวยน้ำขิง
เดือนที่ ๘
แพทย์แผนไทย
เป็นไข้ส่วนมากมิพอเป็นไร เพราะกุมารแก่แล้ว จวนจะคลอดอยู่แล้ว ถ้าเป็นไข้ เป็นไข้รำเพรำพัดต่าง ๆ
แพทย์แผนปัจจุบัน
เหนื่อยง่าย หายใจเร็วและสั้น กระเพาะปัสสาวะถูกกด มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เรอบ่อย
อาหารที่แนะนำ
- แกงเหลือง
- ชามะตูม
- สะเดาน้ำปลาหวาน
เดือนที่ ๙
แพทย์แผนไทย
เป็นไข้สิ่งใด ๆ ก็ดี ยังอยู่ในครรภ์รักษา กุมารอยู่ในครรภ์แก่กล้า ถ้าเป็นไข้ก็แต่ภายนอก เว้นแต่เป็นไข้อหิวาตกโรค แต่ถ้าเป็นฝีเอกตัดหรือ ต้องฤทธิยาคมคุณไสย กุมารอยู่ในครรภ์ จึงจะตายก่อนมารดาและจะพาเอามารดาไปด้วย
แพทย์แผนปัจจุบัน
อาจจะปวดที่หัวเหน่า โคนขา ปัสสาวะบ่อย รู้สึกหน่วงช่วงเชิงกรานมากขึ้น
อาหารที่แนะนำ
- ขิงสด
- แกงขี้เหล็ก
งานวิจัยอ้างอิง
- ขิง : บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน (Borelli F, et al.) โดยไม่พบผลข้างเคียง(ไม่มีผลต่อทารกในครรภ์ และไม่มีผลต่อการคลอด) ของการกินขิง (วิชัย เอกพลากร, ๒๕๔๙)
- ตำลึง : มีฤทธิ์ลดน้ำตาลทั้งกลุ่มทดลองที่เป็นปกติและเป็นเบาหวาน (Manusinghe, et al.)
- ผักแว่น : มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด (ปนัดดา ทินบุตร และจินดารัตน์ พิมพ์สมาน, ๒๕๕๔)
- บัวหลวง : ยับยั้งเอนไซม์ที่ควบคุมการสังเคราะห์ไนตริกออกไซด์ (พวกแก้ปวด แก้อักเสบ) มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด (เพ็ญพิชญา เตียว, ๒๕๕๕)
- ฟักข้าว : ประกอบด้วยโปรตีนหลายชนิดและมีคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาที่หลากหลาย เช่น มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (วิเชษฐ์ ลีลามานิตย์, ๒๕๕๗)
- มะตูม : สารจากผลมะตูมสามารถยับยั้ง thyroid cancer และมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัส และต้านการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้ คลายกล้ามเนื้อเรียบ (อ้อมบุญ วัลลิสุต, ๒๕๕๖)
- อบเชยเทศ : ช่วยในการขยายหลอดเลือด (European medicines agency, 2010)
- ย่านางแดง : ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง (ศิริกัญญา สยมภักดิ์, ๒๕๕๕)
- ขี้เหล็ก : สารสกัดใบขี้เหล็กออกฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด (Ampa luangpirom, 2006)
- มูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิมฯ. ตำราการแพทย์ไทยเดิม (แพทยศาสตร์สงเคราะห์) ฉบับ พัฒนา ตอนที่ 1. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์; 2554.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม
คลินิกแพทย์แผนไทยประยุกต์
- โทร 02 849 6600 ต่อ ต่อ 4018