Cyberbullying

ความรู้ทั่วไป, ความรู้เด็ก   ลงวันที่

Cyberbullying

เขียนโดย: พญ.พิชยา พูลสวัสดิ์ กุมารแพทย์พัฒนาการและพฤติกรรม

Cyberbullying คือ การกลั่นแกล้งผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และทางสื่อออนไลน์ อาจมาในรูปแบบของข้อความ รูปภาพล้อเลียน การกระจายข่าวลือผิด ๆ รวมไปถึงการไม่ให้เข้าร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมต่าง ๆ เด็กอาจถูกกลั่นแกล้งผ่านทาง social media อีเมล แอปพลิเคชัน หรือเกมออนไลน์ก็ได้ ความน่ากลัวของ cyberbullying คือ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา หาตัวคนที่แกล้งยาก เนื่องจากอาจใช้ account ปลอมหรือนามแฝง และการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ยังแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว

ผลกระทบของ cyberbullying

  • ส่งผลกระทบต่อการเรียน เด็กขาดสมาธิในการเรียน ไม่อยากไปโรงเรียน
  • ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ เด็กที่ถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์มีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล และนอนไม่หลับ เด็กยังไม่ความเสี่ยงที่จะใช้สารเสพติดในอนาคต

ทำอย่างไรดีเมื่อลูกถูกกลั่นแกล้งทางออนไลน์

  • อย่าขู่ลูกว่าจะยึดมือถือหรือจำกัดการเล่นสื่อออนไลน์ของลูก เนื่องจากลูกจะมองว่าเป็นการถูกลงโทษ ทำให้ต่อไปเด็กไม่กล้าบอกปัญหาเกี่ยวกับการถูกกลั่นแกล้งอีก
  • เก็บหลักฐานที่ถูกแกล้ง เช่น บันทึกภาพหน้าจอ
  • คุยกับลูกให้ลูกเล่าสิ่งที่ตนเองเจอ ถามความรู้สึกของลูก ฟังลูกอย่างเข้าใจ การที่ลูกมีใครสักคนที่รับฟังและให้กำลังใจจะช่วยให้เด็กจัดการปัญหาได้ดีขึ้น
  • ชวนลูกคิดวิธีแก้ไขปัญหาที่เป็นได้ โดยให้ลูกเสนอวิธีและลองทำดู โดยมีพ่อแม่คอยรับฟังไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
  • ในสื่อ social media ต่าง ๆ สามารถ report หรือ ร้องเรียน พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้ ถ้าคนที่แกล้งเป็นเพื่อนที่โรงเรียนอาจปรึกษาทางโรงเรียนเพื่อหาแนวทางแก้ไข แต่หากการกลั่นแกล้งมีการข่มขู่ทำร้ายร่างกายควรแจ้งตำรวจ

การป้องกัน cyberbullying

  • คุยกับลูกเรื่อง “ความเป็นพลเมืองดิจิตอล (Digital citizenship)” การเคารพผู้อื่นในโลกออนไลน์และข้อความด้านลบส่งผลต่อผู้อื่นอย่างไร และพ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้สื่อในเชิงบวก
  • ถามลูกเรื่องข้อความต่าง ๆ ที่เขาเห็น ส่ง หรือได้รับ และถามความรู้สึกของลูก
  • ตั้งกฎกติกาในการใช้สื่อออนไลน์

ที่มา: https://www.healthychildren.org/English/family-life/Media/Pages/Cyberbullying.aspx

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ถุงใต้ตาและร่องใต้ตา

ถุงใต้ตาและร่องใต้ตา (Baggy Eyelid and Tear Trough Deformity) โดย นพ. เอกชัย เลาวเลิศ   (ภาพแสดงลักษณะถุงใต้ตา และร่องใต้ตา) ถุงใต้ตาทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า และดูมีอายุ ไม่สดใส ร่วมกันกับการมีร่องใต้ตาที่ลึก เมื่อถ่ายรูป และยิ้ม อาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจที่จะยิ้ม หรือแสดงสีหน้า สร้างความลำบากในการเข้าสังคม และเสียบุคลิกภาพ (ภาพแสดงลักษณะกายวิภาคการเกิดถุงใต้ตา) ถุงใต้ตาเกิดจากลักษณะเอ็นยึดใต้เบ้าตา (Orbital Retaining Ligament) และเอ็นยึดเบ้าส่วนร่องน้ำตา (Tear Trough Ligament) หย่อน (Attenuation) เห็นเป็นร่องชัด และมีถุงไขมันใต้ตาชั้นลึก (Retroseptal Fat Pad) เริ่มขยายและหย่อนตัวลง (herniation) เหนือเอ็นยึด ทำให้เห็นเป็นถุงปูดเหนือร่องใต้เบ้าตา (ภาพแสดงการแก้ไขจัดเรียงไขมันถุงใต้ตา) เพื่อให้ร่องชัดน้อยลง และเห็นถุงปูดน้อยลง สามารถแก้ไขได้โดยการสลายเอ็นยึดดังกล่าว และจัดเรียงไขมัน หรือนำออกบางส่วนเพื่อให้ระหว่างเบ้าตา และใบหน้าส่วนแก้ม (Lid-Cheek Junction) มีร่องลึกรอยต่อที่เห็นได้ชัดน้อยลง […]

GJ E-Magazine เล่มที่ 30

GJ E-Magazine ฉบับที่ 30 (เดือนมกราคม 2568) “การรักษาด้วยออกซิเจนบำบัดแรงดันสูง” คลิกที่นี่เพื่ออ่าน   ไฟล์ขนาดใหญ่สำหรับพิมพ์ : คลิกที่นี่

สมุนไพรต้านอากาศหนาว

สมุนไพรต้านอากาศหนาว พจ.รณกร โลหะฐานัส ตามตำราแพทย์จีน ความเย็น เป็นลมฟ้าอากาศหลักในฤดูหนาว ในฤดูหนาวมีโอกาสป่วยจากความเย็นได้ง่าย ถ้ารักษาความอบอุ่นของร่างกายไม่เพียงพอ เช่น อยู่ในที่มีอากาศหนาวเย็นเกินไป สวมใส่เสื้อผ้าบางเกินไป โดนฝน แช่อยู่ในน้ำเย็นนานเกินไป จะมีโอกาสเจ็บป่วยจากความเย็นได้ง่าย คุณสมบัติของความเย็นและการเกิดโรค ความเย็นชอบทำลายหยาง ความเย็นเป็นอิน ปกติลมปราณอินจะถูกควบคุมด้วยลมปราณหยาง อินเพิ่มทำให้หยางป่วย เกิดจากลมปราณอินเพิ่มขึ้นและย้อนไปข่มหยาง ลมปราณหยางไม่สามารถสร้างความอบอุ่นเป็นพลังผลักดันการทำงานของร่างกายจึงเกิดกลุ่มอาการเย็น เช่น ถ้าความเย็นมากระทบที่ส่วนนอกของร่างกายผลักดันหยางให้เข้าไปอยู่ในร่างกาย จะทำให้มีอาการกลัวหนาว เหงื่อไม่ออก ปวดศีรษะ ปวดตัว ปวดข้อ ถ้าความเย็นกระทบกระเพาะอาหาร จะทำให้ปวดเย็นในท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ถ้าความเย็นกระทบปอด จะทำให้ไอ หอบ มีเสมหะใส ถ้าความเย็นกระทบไต จะทำให้ปวดเย็นที่เอว ปัสสาวะมาก บวมน้ำ ความเย็นทำให้หยุดนิ่ง ติดขัด เมื่อความเย็นเข้าทำลายหยาง ทำให้เลือดลมไม่ไหลเวียน เกิดการติดขัดและปวดขึ้น ถ้าให้ความอบอุ่นจะทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น อาการปวดทุเลาลง ความเย็นทำให้หดเกร็ง เมื่อความเย็นมากระทบส่วนนอกของร่างกาย ทำให้ผิวหนังหดตัว รูขุมขนปิด เส้นลมปราณตีบตัน หยางที่ปกป้องร่างกายไม่ไหลเวียนมาที่ส่วนนอก ทำให้เป็นไข้ กลัวหนาว เหงื่อไม่ออก […]

การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยเลเซอร์กำลังสูง

High Power Laser Therapy การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยเลเซอร์กำลังสูง โดย พญ.เยาวพา ฉันทไกรวัฒน์ เลเซอร์กำลังสูง (Laser Class IV) คือคลื่นที่ถูกสังเคราะห์ให้มีความยาวคลื่นเดียว (Monochromaticity) ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่า (Invisible Light) มีกำลัง 0.5 วัตต์ขึ้นไป มีความยาวคลื่นที่สม่ำเสมอ (Directionality) มีทิศทางของคลื่นที่แน่นอน สามารถลงลึกถึงตำแหน่งที่รักษาได้ประมาณ 6 ซม. ข้อแตกต่างจากเลเซอร์ทั่วไป : ส่งพลังงานได้สูง รวดเร็ว ลงตำแหน่งที่ทำการรักษาได้ลึก ข้อดี : ผู้ป่วยไม่รู้สึกปวดขณะทำการรักษา ค่อนข้างเห็นผลได้ทันทีหลังการรักษา ใช้เวลาไม่นาน 5-10 นาทีต่อตำแหน่งที่ทำการรักษา รักษาได้ทั้งโรคเฉียบพลันไปจนถึงเรื้อรัง   ประโยชน์ของการรักษาด้วยเลเซอร์กำลังสูง กระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อให้มีการซึมผ่านของของเหลวผ่านหลอดเลือดได้ดี ช่วยลดอาการบวม ช้ำ ที่ตำแหน่งของการรักษา ลดการสังเคราะห์โปรตีนที่ทำให้เกิดอาการปวด ลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบเฉียบพลัน กระตุ้นการซ่อมสร้างหลอดเลือด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเส้นประสาท กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในกระบวนการเสริมภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมให้มีกระบวนการหายของบาดแผล สร้างคอลลาเจน […]