- Home
- Blog
- ความรู้ COVID19
- ผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก ในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19
ผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก ในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19
![](https://www.gj.mahidol.ac.th/main/wp-content/uploads/2021/11/พฤติกรรมของเด็กที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน-cover.png)
ผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก ในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19
พญ.พิมพิกา หาญวัฒนานุกุล (กุมารแพทย์ทั่วไป)
ในสถานการณ์วิกฤตฉุกเฉิน เด็ก ๆ จะมีปฏิกิริยาทางด้านจิตใจเมื่อได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤต ฉุกเฉิน รุนแรง ในรูปแบบแตกต่างกันไป อาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือไม่จดจ่อ เป็นอาการสำคัญที่พบได้บ่อยมากขึ้น เด็กส่วนใหญ่ที่มีความเข้มแข็งทางจิตใจเพียงพอ จะสามารถปรับตัวและเรียนรู้การจัดการอารมณ์ได้เมื่อได้รับการดูแลที่เหมาะสมจากพ่อแม่ เพื่อนและคนรอบตัว อย่างไรก็ตาม มีเด็กบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะมีปฏิกิริยาทางด้านจิตใจที่รุนแรง เช่น วิตกกังวลมาก ซึมเศร้า หรือมีความคิดฆ่าตัวตายได้ โดยความเสี่ยงของเด็กในกลุ่มนี้ ได้แก่ การมีปัญหาทางสุขภาพจิตอยู่เดิม เคยมีประสบการณ์ที่ถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ครอบครัวไม่มั่นคง หรือมีการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กสามารถสังเกตเห็นและมองหาเด็ก ๆ ที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยสังเกตจากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติ ตามพัฒนาการตามวัยของเด็ก ดังต่อไปนี้
- วัย 0-5 ปี
– ติดพ่อแม่หรือผู้ดูแลมาก
– พฤติกรรมถดถอยไปจากช่วงวัยปกติ เช่น ดูดนิ้ว ปัสสาวะรดที่นอน
– เปลี่ยนพฤติกรรมการกินการนอน
– กลัวความมืดหรือกลัวในสิ่งที่ไม่เคยกลัวมาก่อน
– ร้องไห้งอแงและหงุดหงิด
– หยุดพูด
– ไม่เล่นหรือเล่นแค่อย่างซ้ำ ๆ
- วัย 6-12 ปี
– หงุดหงิดหรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว
– ฝันร้าย
– พูดถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ
– แยกตัวไม่เข้าสังคมหรือไม่อยากรวมกลุ่ม
– ไม่อยากไปโรงเรียน
– รู้สึกและแสดงออกถึงความกลัว
– ไม่จดจ่อ ไม่มีสมาธิ
- วัย 13-18 ปี
– อยู่ไม่นิ่ง
– ไม่จดจ่อ ไม่มีสมาธิ
– แยกตัว ซึมเศร้า
– มีพฤติกรรมเสี่ยง ก้าวร้าว รุนแรง ต่อต้านสังคมเพิ่มขึ้น
– ท้าทายต่ออำนาจต่างๆมากขึ้น เช่น ต่อพ่อแม่ ครู
– ติดหรือพึ่งพิงกลุ่มเพื่อนมาก หรือติดพึ่งพิงบางอย่างมากขึ้น
– เปลี่ยนพฤติกรรมการกินการนอน
หากผู้ปกครองสังเกตเห็นเด็ก ๆ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเป็นระยะเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ ควรพาไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ได้ที่สถานพยาบาลต่าง ๆ นอกจากนั้น ผู้ปกครองเองควรดูแลสุขภาพจิตตนเองอย่างใกล้ชิด จัดการอารมณ์ตนเองอย่างเหมาะสม สร้างสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศที่ดีภายในครอบครัวเพื่อให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัย
![](https://www.gj.mahidol.ac.th/main/wp-content/uploads/2021/11/พฤติกรรมของเด็กที่ต้องการความช่วยเหลืออ.png)
อ้างอิง: UNICEF, สสส.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม
คลินิกกุมารเวชกรรม
- โทร 02 849 6600 ต่อ 1121