มะเร็งตับทุกระยะ…เราดูแลให้

มะเร็งตับทุกระยะ…เราดูแลให้

โดย ทีมแพทย์ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก

มะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma) จัดเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับต้น ๆ ถือเป็นภัยร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยไปไม่น้อยในแต่ละปี ซึ่งในระยะแรก อาจไม่มีอาการใด แต่พบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี ไปจนถึงอาการปวดจุกแน่นท้อง คลำได้ก้อนบริเวณชายโครงด้านขวา หรือรุนแรงจนตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต ขาบวมในระยะท้าย

แม้ฟังดูอาจเป็นโรคที่น่ากลัว แต่ที่ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก เรามีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งตับทุกระยะ ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา บุคลากรสหสาขาวิชาชีพ ตลอดจนอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยและเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้เราพร้อมดูแลผู้ป่วยอย่างเป็นองค์รวมในทุกมิติ

เริ่มตั้งแต่การตรวจคัดกรองในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ ผู้ป่วยตับแข็งหรือมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ โดยใช้อัลตราซาวน์และเจาะเลือดตรวจสารบ่งชี้มะเร็งตับ

หากมีความผิดปกติ แพทย์จะพิจารณาส่งตรวจละเอียดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) นอกจากนี้ หากผลตรวจยังไม่ชัดเจน อาจมีการเจาะชิ้นเนื้อตับส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีร่วมรักษา

ในส่วนของการรักษานั้น จะแบ่งตามความรุนแรง

  • ระยะต้น สามารถรักษาให้หายขาดได้ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านตับและทางเดินน้ำดี (HPB surgeons) หรือจะเป็นการจี้ก้อนด้วยเข็มความร้อน (Radiofrequency ablation; RFA, Microwave ablation; MWA), เข็มความเย็น (Cryoablation) หรือมีดนาโน (Irreversible electroporation ; IRE) โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีร่วมรักษา
  • ระยะกลาง มีการรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะจุด (Transarterial chemoembolization; TACE) โดยจะฉีดยาผ่านสายสวนหลอดเลือดแดงเข้าไปบริเวณก้อนมะเร็งโดยตรง ทำให้ได้ยาที่ความเข้มข้นสูงเฉพาะบริเวณก้อนมะเร็ง แต่มีผลต่อร่างกายส่วนอื่นน้อยมาก แผลเล็ก ฟื้นตัวไว
  • ระยะลุกลาม จะให้การรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted therapy) ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) และยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดโดยอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง
  • ระยะสุดท้าย แม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่เรามีการดูแลรักษาแบบประคับประคองโดยทีมสหสาขาวิชาชีพนำโดยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในวาระสุดท้ายของชีวิต

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับระยะใดนั้น ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลโดยอายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย โดยมีการตรวจติดตามการทำงานของตับ ตลอดจนเตรียมความพร้อมสำหรับการทำหัตถการต่าง ๆ

นอกจากนี้ เพื่อการดูแลคนไข้อย่างไร้รอยต่อ ทางศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก จัดการประชุมสหสาขาวิชาชีพ (Tumor board) เป็นประจำทุกเดือน โดยเป็นการรวมตัวของแพทย์ทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอายุรแพทย์ ศัลยแพทย์ และรังสีแพทย์ เพื่อร่วมกันวางแผนการรักษาคนไข้ให้รอบด้าน นำไปสู่ทางเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละราย

ดังนั้น ขอให้มั่นใจได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับระยะใด ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกพร้อมดูแลอย่างเต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย…อย่างที่เคยเป็นเสมอมา

 

===========================================

 

ภาพที่ 1 ผู้ป่วยรายหนึ่งตรวจพบก้อนในตับด้านขวาขนาด 15 เซนติเมตร จากการตรวจอัลตราซาวน์ จึงได้มาทำการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพิ่มเติม

ทางทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสหสาขา ได้แก่ อายุรแพทย์ทางเดินอาหาร อายุรแพทย์โรคมะเร็ง ศัลยแพทย์ และรังสีแพทย์ ได้ลงความเห็นร่วมกันถึงแนวทางการรักษาในผู้ป่วยรายนี้ดังนี้

  1. เจาะชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันการวินิจฉัย (Biopsy)
  2. ให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านทางสายสวนหลอดเลือดแดง (TACE) เพื่อควบคุมก้อนมะเร็ง
  3. อุดหลอดเลือดดำพอร์ทอลในตับ (PVE) เพื่อให้เนื้อตับส่วนดีเกิดการขยายตัวเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด
  4. ผ่าตัดตับด้านขวาออกเพื่อกำจัดก้อนมะเร็งออกจากร่างกาย (Right hepatectomy)

ภาพที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการเจาะชิ้นเนื้อจากก้อนในตับ ผลการตรวจทางพยาธิวิทยายืนยันการวินิจฉัยเป็นมะเร็งตับ (Hepatocellular carcinoma)

ภาพที่ 3 ผู้ป่วยได้รับการรักษาตามขั้นตอน โดยเริ่มจากการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านทางสายสวนหลอดเลือดแดง (TACE) และอุดหลอดเลือดดำพอร์ทอลในตับ (PVE) เพื่อให้เนื้อตับส่วนดีเกิดการขยายตัวเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัด

ภาพที่ 4 ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดตับ (Right hepatectomy) โดยสามารถผ่าตัดนำก้อนมะเร็งออกจากร่างกายได้ทั้งหมด

ภาพที่ 5 ผู้ป่วยรายนี้ตรวจพบก้อนมะเร็งตับอยู่ติดท่อทางเดินน้ำดี จึงได้รับการรักษาโดยการจี้ก้อนด้วยเข็มไฟฟ้า หรือ มีดนาโน (IRE : Irreversible Electroporation)

ภาพที่ 6 ผู้ป่วยรายนี้ตรวจพบก้อนมะเร็งตับอยู่ติดท่อทางเดินน้ำดี จึงได้รับการรักษาโดยการจี้ก้อนด้วยการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านทางสายสวนหลอดเลือดแดง (TACE) และเข็มความเย็น (Cryoablation) เมื่อตรวจติดตาม MRI หลังรักษาพบว่าก้อนมะเร็งได้ถูกทำลายไปจนหมดและไม่พบท่อทางเดินน้ำดีอยู่ในเกณฑ์ปกติ

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

คลินิกรังสีร่วมรักษา

  • โทร 02 849 6600 ต่อ 3155,2553

คลินิกศัลยกรรมทั่วไป

  • โทร 02 849 6600 ต่อ 2591,2592

บทความที่เกี่ยวข้อง

ถุงใต้ตาและร่องใต้ตา

ถุงใต้ตาและร่องใต้ตา (Baggy Eyelid and Tear Trough Deformity) โดย นพ. เอกชัย เลาวเลิศ   (ภาพแสดงลักษณะถุงใต้ตา และร่องใต้ตา) ถุงใต้ตาทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า และดูมีอายุ ไม่สดใส ร่วมกันกับการมีร่องใต้ตาที่ลึก เมื่อถ่ายรูป และยิ้ม อาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจที่จะยิ้ม หรือแสดงสีหน้า สร้างความลำบากในการเข้าสังคม และเสียบุคลิกภาพ (ภาพแสดงลักษณะกายวิภาคการเกิดถุงใต้ตา) ถุงใต้ตาเกิดจากลักษณะเอ็นยึดใต้เบ้าตา (Orbital Retaining Ligament) และเอ็นยึดเบ้าส่วนร่องน้ำตา (Tear Trough Ligament) หย่อน (Attenuation) เห็นเป็นร่องชัด และมีถุงไขมันใต้ตาชั้นลึก (Retroseptal Fat Pad) เริ่มขยายและหย่อนตัวลง (herniation) เหนือเอ็นยึด ทำให้เห็นเป็นถุงปูดเหนือร่องใต้เบ้าตา (ภาพแสดงการแก้ไขจัดเรียงไขมันถุงใต้ตา) เพื่อให้ร่องชัดน้อยลง และเห็นถุงปูดน้อยลง สามารถแก้ไขได้โดยการสลายเอ็นยึดดังกล่าว และจัดเรียงไขมัน หรือนำออกบางส่วนเพื่อให้ระหว่างเบ้าตา และใบหน้าส่วนแก้ม (Lid-Cheek Junction) มีร่องลึกรอยต่อที่เห็นได้ชัดน้อยลง […]

GJ E-Magazine เล่มที่ 30

GJ E-Magazine ฉบับที่ 30 (เดือนมกราคม 2568) “การรักษาด้วยออกซิเจนบำบัดแรงดันสูง” คลิกที่นี่เพื่ออ่าน   ไฟล์ขนาดใหญ่สำหรับพิมพ์ : คลิกที่นี่

สมุนไพรต้านอากาศหนาว

สมุนไพรต้านอากาศหนาว พจ.รณกร โลหะฐานัส ตามตำราแพทย์จีน ความเย็น เป็นลมฟ้าอากาศหลักในฤดูหนาว ในฤดูหนาวมีโอกาสป่วยจากความเย็นได้ง่าย ถ้ารักษาความอบอุ่นของร่างกายไม่เพียงพอ เช่น อยู่ในที่มีอากาศหนาวเย็นเกินไป สวมใส่เสื้อผ้าบางเกินไป โดนฝน แช่อยู่ในน้ำเย็นนานเกินไป จะมีโอกาสเจ็บป่วยจากความเย็นได้ง่าย คุณสมบัติของความเย็นและการเกิดโรค ความเย็นชอบทำลายหยาง ความเย็นเป็นอิน ปกติลมปราณอินจะถูกควบคุมด้วยลมปราณหยาง อินเพิ่มทำให้หยางป่วย เกิดจากลมปราณอินเพิ่มขึ้นและย้อนไปข่มหยาง ลมปราณหยางไม่สามารถสร้างความอบอุ่นเป็นพลังผลักดันการทำงานของร่างกายจึงเกิดกลุ่มอาการเย็น เช่น ถ้าความเย็นมากระทบที่ส่วนนอกของร่างกายผลักดันหยางให้เข้าไปอยู่ในร่างกาย จะทำให้มีอาการกลัวหนาว เหงื่อไม่ออก ปวดศีรษะ ปวดตัว ปวดข้อ ถ้าความเย็นกระทบกระเพาะอาหาร จะทำให้ปวดเย็นในท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ถ้าความเย็นกระทบปอด จะทำให้ไอ หอบ มีเสมหะใส ถ้าความเย็นกระทบไต จะทำให้ปวดเย็นที่เอว ปัสสาวะมาก บวมน้ำ ความเย็นทำให้หยุดนิ่ง ติดขัด เมื่อความเย็นเข้าทำลายหยาง ทำให้เลือดลมไม่ไหลเวียน เกิดการติดขัดและปวดขึ้น ถ้าให้ความอบอุ่นจะทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น อาการปวดทุเลาลง ความเย็นทำให้หดเกร็ง เมื่อความเย็นมากระทบส่วนนอกของร่างกาย ทำให้ผิวหนังหดตัว รูขุมขนปิด เส้นลมปราณตีบตัน หยางที่ปกป้องร่างกายไม่ไหลเวียนมาที่ส่วนนอก ทำให้เป็นไข้ กลัวหนาว เหงื่อไม่ออก […]

การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยเลเซอร์กำลังสูง

High Power Laser Therapy การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยเลเซอร์กำลังสูง โดย พญ.เยาวพา ฉันทไกรวัฒน์ เลเซอร์กำลังสูง (Laser Class IV) คือคลื่นที่ถูกสังเคราะห์ให้มีความยาวคลื่นเดียว (Monochromaticity) ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่า (Invisible Light) มีกำลัง 0.5 วัตต์ขึ้นไป มีความยาวคลื่นที่สม่ำเสมอ (Directionality) มีทิศทางของคลื่นที่แน่นอน สามารถลงลึกถึงตำแหน่งที่รักษาได้ประมาณ 6 ซม. ข้อแตกต่างจากเลเซอร์ทั่วไป : ส่งพลังงานได้สูง รวดเร็ว ลงตำแหน่งที่ทำการรักษาได้ลึก ข้อดี : ผู้ป่วยไม่รู้สึกปวดขณะทำการรักษา ค่อนข้างเห็นผลได้ทันทีหลังการรักษา ใช้เวลาไม่นาน 5-10 นาทีต่อตำแหน่งที่ทำการรักษา รักษาได้ทั้งโรคเฉียบพลันไปจนถึงเรื้อรัง   ประโยชน์ของการรักษาด้วยเลเซอร์กำลังสูง กระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อให้มีการซึมผ่านของของเหลวผ่านหลอดเลือดได้ดี ช่วยลดอาการบวม ช้ำ ที่ตำแหน่งของการรักษา ลดการสังเคราะห์โปรตีนที่ทำให้เกิดอาการปวด ลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบเฉียบพลัน กระตุ้นการซ่อมสร้างหลอดเลือด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเส้นประสาท กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในกระบวนการเสริมภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมให้มีกระบวนการหายของบาดแผล สร้างคอลลาเจน […]