การฝังเข็มเลิกบุหรี่

จากการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลการสูบบุหรี่ในประเทศไทย พบว่า ผลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากรในปี 2564 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 57 ล้านคน พบว่า ผู้สูบบุหรี่ 9.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.4 ซึ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบจากปี 2560 ซึ่งสูงถึงร้อยละ 19.1(กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค) ถึงแม้ว่าการเสพติดบุหรี่ เป็นปัญหาที่สำคัญทางสังคมและการแพทย์ ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมนุษย์ เนื่องจากบุหรี่มีสารพิษมากกว่า100ชนิดที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบด้านสุขภาพที่ทำให้เกิดโรคร้ายจากการสูบบุหรี่ ทั้งนี้บุหรี่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคปอดอักเสบ โรคมะเร็ง อายุขัยสั้นลง เกิดความพิการของทารกในครรภ์ ฯลฯ นอกจากนี้ควันบุหรี่มีผลกับสมองและระบบประสาทซึ่งในควันบุหรี่มีสารนิโคตินที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท สารนี้สามารถผ่านไปสู่สมองภายในเวลา10-20วินาที หลังจากดูดบุหรี่แต่ละครั้งปริมาณนิโคตินในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งสารนิโคตินมีฤทธิ์เพิ่มการหลั่งสารสื่อประสาทโดปามีน (Dopamine) ที่ควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเคลิ้มสุข(Euphoria) ความรู้สึกสุขสบายนี้จะเกิดขึ้นในการสูบบุหรี่ครั้งแรก ๆ เมื่อสูบบุหรี่ติดต่อไปในระยะหนึ่งจะเกิดการดื้อทำให้แม้ผู้สูบจะสูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานานก็ไม่เกิดความรู้สึกสุขสบายจากการสูบบุหรี่แต่ต้องสูบบุหรี่เพื่อระงับภาวะถอนยา หรือภาวะอยากยาทางจิต (Psychological Withdrawal Syndrome) ทำให้เกิดอาการต่างๆได้แก่ เครียด หงุดหงิด ฉุนเฉียว กระวนกระวาย ขาดสมาธิ มึนงงและหลงลืม (รชานนท์ ง่วนใจรัก, 2552)

สำหรับผู้ที่ต้องการเลิกเสพติดบุหรี่นั้นมีหลายหนทางด้วยกัน เช่น การฝังเข็ม การติดเม็ดผักกาด การนวดกดจุดสะท้อนเท้า การดื่มชาหญ้าดอกขาวหรือก้านกานพลู การออกกำลังกายชี่กง การฝึกสมาธิบำบัด เป็นต้น ในที่นี้ขออธิบายถึงการรักษาโดยแพทย์แผนจีนว่ามีแนวทางอย่างไรบ้าง ดังต่อไปนี้

ในทัศนะของแพทย์แผนจีน “บุหรี่เกี่ยวข้องกับปอด” ปอดทำหน้าที่กระจายลมปราณ กระจายพลังเปรียบเสมือนกิ่งก้านต้นไม้ ลำต้นเปรียบเสมือนร่างกาย การสูบบุหรี่เข้าไปในทางเดินหายใจเข้าสู่ปอด จะทำให้ร่างกายขาดความสมดุลระหว่างลมปราณและเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในร่างกายลดลงจนทำให้เกิดโรคหรือมีภาวะแทรกซ้อนต่างๆขึ้น เมื่อปอดมีปัญหาเบื้องต้นจะมีอาการไอ มีเสมหะ จากนั้นจะพัฒนาไปสู่เสมหะที่มีลักษณะเหนียวข้น ปริมาณเยอะ หากเป็นมากอาจพบอาการหอบ เหนื่อยง่ายร่วมด้วย นั้นหมายถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าการทำงานของปอดเริ่มทดถอย วันนี้ขอแนะนำจุดฝังเข็มจุดพิเศษชื่อว่า จุด TianWeiXue หรือ Tim Mee Point

ตำแหน่ง: อยู่บริเวณข้อมือ ตรงกลางระหว่างเส้นที่ลากจากจุดเลี่ยเชี่ยว LIEQUE (LU7) และจุดหยางซี YANGXI (LI5)

สรรพคุณ: โรคติดบุหรี่ จุดนี้ในผู้ที่ติดบุหรี่จะเด่นชัด เละมีอาการเจ็บมากถ้ากด

การฝังเข็มใบหู(Auricular Acupunture) เป็นวิธีการฝังเข็มเฉพาะตัว ปัจจุบันถูกนำมาใช้เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาทางคลินิกในหลายรูปแบบ ศาสตร์นี้พบว่าจุดต่างๆบนใบหูมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอวัยวะภายในและส่วนต่างๆของร่างกาย โดยใบหูมีลักษณะคล้ายกับ“ทารกกลับหัว” จึงมีการนำจุดสะท้อนมาประยุกต์ใช้ในคลินิก ตั้งแต่การฝังด้วยเข็มขนาดเล็ก(Small Filiform Needles) การติดเม็ดผักกาดสำหรับกด(Seed Pressing)ที่แพทย์จีนนิยมใช้ในการรักษา เนื่องจากง่ายและสะดวกทั้งยังคนไข้สามารถกดได้เองที่บ้านเหมาะคนที่กลัวเจ็บ กลัวเข็ม ใช้ติดที่จุดหูด้วยเทปกาว คาไว้ 3-5 วัน กดคลึง 1-3 นาที วันละ 3-5 ครั้ง

จุดหลัก

จุดปอด: เพื่อเป็นการรกระตุ้นการทำงานของปอด แทนการการกระตุ้นนิโคติน
จุดเสินเหมิน :เพื่อสงบจิตใจ
จุดใต้สมอง: เพื่อปรับและกระตุ้นการหลั่งสาร Endorphins,ACTH เป็นต้น เพื่อลดความเครียดและวิตกกังวล เป็นต้น

การฝังเข็มของการแพทย์แผนจีน จากการศึกษา พบว่า การฝังเข็มช่วยกระตุ้นให้ผู้ติดบุหรี่มีความรู้สึกอยากสูบบุหรี่ลดลงหรือถึงขั้นเลิกสูบได้ เนื่องจากการฝังเข็มมีผลทำให้เพิ่มการหลั่งสาร Serotonin ในสมองส่วน Hypothalamus ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกอยากหรือเบื่ออาหาร การย่อยอาหาร และการควบคุมการนอนหลับให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ การฝังเข็มมีผลในการปรับความสมดุลของลมปราณและเลือด ผลจะปรากฏใน 2-3 วันแรก ถ้าสูบอีกจะรู้สึกขม เผ็ด เหมือนกินใบไม้ที่่ขม จนเกิดอาการเบื่อที่จะสูบ นอกจากนี้การฝังเข็มจะต้องดูคนไข้เป็นหลักและปรับองค์รวมต่างๆ ไม่เพียงแต่เพื่อเลิกบุหรี่เท่านั้น เนื่องจากคนไข้แต่ละคนที่มีอาการเลิกบุหรี่หรือถอนนิโคตินจะมีอาการแตกต่างกัน ดังนั้น แพทย์จีนผู้ฝังเข็มจะต้องพิจารณาเพื่อให้เกิดองค์รวมต่างๆต่อไป

อย่างไรก็ตาม การฝังเข็มควรใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ทั้งการรักษาของการแพทย์แผนปัจจุบัน และรวมถึงการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาร่วมด้วย การเลิกบุหรี่ผู้สูบต้องตั้งใจเลิกเด็ดขาด หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ผู้สูบนึกถึงการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ควรออกกำลังกาย หรือหากิจกรรมทำยามว่าง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากมีบุคคลสูบบุหรี่ในบ้านควรแนะนำให้เลิกพร้อมกัน

 

อ้างอิง

-ข้อมูลจาก : กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค จากhttps://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=22385&deptcode=brc&news_views=1559

วันที่ 21 ธันวาคม 2564 สืบค้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566

-รชานนท์ ง่วนใจรัก. (2552).ผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีแรงจูงใจเพื่อป้องกันโรคร่วมกับแรงสนับสนุน

ทางสังคมในการพัฒนาพฤติกรรมเพื่อป้องกันการสูบบุหรี่ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่2อำเภอ

เมืองจังหวัดขอนแก่น. วารสารวิจันสาธารณสุขศาสตร์มหาวิยาลัยขอนแก่น. 2(1),45-57.

-https://baike.baidu.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

คลินิกแพทย์แผนจีน

  • โทร 02 849 6600 ต่อ ต่อ 4018

บทความที่เกี่ยวข้อง

ถุงใต้ตาและร่องใต้ตา

ถุงใต้ตาและร่องใต้ตา (Baggy Eyelid and Tear Trough Deformity) โดย นพ. เอกชัย เลาวเลิศ   (ภาพแสดงลักษณะถุงใต้ตา และร่องใต้ตา) ถุงใต้ตาทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า และดูมีอายุ ไม่สดใส ร่วมกันกับการมีร่องใต้ตาที่ลึก เมื่อถ่ายรูป และยิ้ม อาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจที่จะยิ้ม หรือแสดงสีหน้า สร้างความลำบากในการเข้าสังคม และเสียบุคลิกภาพ (ภาพแสดงลักษณะกายวิภาคการเกิดถุงใต้ตา) ถุงใต้ตาเกิดจากลักษณะเอ็นยึดใต้เบ้าตา (Orbital Retaining Ligament) และเอ็นยึดเบ้าส่วนร่องน้ำตา (Tear Trough Ligament) หย่อน (Attenuation) เห็นเป็นร่องชัด และมีถุงไขมันใต้ตาชั้นลึก (Retroseptal Fat Pad) เริ่มขยายและหย่อนตัวลง (herniation) เหนือเอ็นยึด ทำให้เห็นเป็นถุงปูดเหนือร่องใต้เบ้าตา (ภาพแสดงการแก้ไขจัดเรียงไขมันถุงใต้ตา) เพื่อให้ร่องชัดน้อยลง และเห็นถุงปูดน้อยลง สามารถแก้ไขได้โดยการสลายเอ็นยึดดังกล่าว และจัดเรียงไขมัน หรือนำออกบางส่วนเพื่อให้ระหว่างเบ้าตา และใบหน้าส่วนแก้ม (Lid-Cheek Junction) มีร่องลึกรอยต่อที่เห็นได้ชัดน้อยลง […]

GJ E-Magazine เล่มที่ 30

GJ E-Magazine ฉบับที่ 30 (เดือนมกราคม 2568) “การรักษาด้วยออกซิเจนบำบัดแรงดันสูง” คลิกที่นี่เพื่ออ่าน   ไฟล์ขนาดใหญ่สำหรับพิมพ์ : คลิกที่นี่

สมุนไพรต้านอากาศหนาว

สมุนไพรต้านอากาศหนาว พจ.รณกร โลหะฐานัส ตามตำราแพทย์จีน ความเย็น เป็นลมฟ้าอากาศหลักในฤดูหนาว ในฤดูหนาวมีโอกาสป่วยจากความเย็นได้ง่าย ถ้ารักษาความอบอุ่นของร่างกายไม่เพียงพอ เช่น อยู่ในที่มีอากาศหนาวเย็นเกินไป สวมใส่เสื้อผ้าบางเกินไป โดนฝน แช่อยู่ในน้ำเย็นนานเกินไป จะมีโอกาสเจ็บป่วยจากความเย็นได้ง่าย คุณสมบัติของความเย็นและการเกิดโรค ความเย็นชอบทำลายหยาง ความเย็นเป็นอิน ปกติลมปราณอินจะถูกควบคุมด้วยลมปราณหยาง อินเพิ่มทำให้หยางป่วย เกิดจากลมปราณอินเพิ่มขึ้นและย้อนไปข่มหยาง ลมปราณหยางไม่สามารถสร้างความอบอุ่นเป็นพลังผลักดันการทำงานของร่างกายจึงเกิดกลุ่มอาการเย็น เช่น ถ้าความเย็นมากระทบที่ส่วนนอกของร่างกายผลักดันหยางให้เข้าไปอยู่ในร่างกาย จะทำให้มีอาการกลัวหนาว เหงื่อไม่ออก ปวดศีรษะ ปวดตัว ปวดข้อ ถ้าความเย็นกระทบกระเพาะอาหาร จะทำให้ปวดเย็นในท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ถ้าความเย็นกระทบปอด จะทำให้ไอ หอบ มีเสมหะใส ถ้าความเย็นกระทบไต จะทำให้ปวดเย็นที่เอว ปัสสาวะมาก บวมน้ำ ความเย็นทำให้หยุดนิ่ง ติดขัด เมื่อความเย็นเข้าทำลายหยาง ทำให้เลือดลมไม่ไหลเวียน เกิดการติดขัดและปวดขึ้น ถ้าให้ความอบอุ่นจะทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น อาการปวดทุเลาลง ความเย็นทำให้หดเกร็ง เมื่อความเย็นมากระทบส่วนนอกของร่างกาย ทำให้ผิวหนังหดตัว รูขุมขนปิด เส้นลมปราณตีบตัน หยางที่ปกป้องร่างกายไม่ไหลเวียนมาที่ส่วนนอก ทำให้เป็นไข้ กลัวหนาว เหงื่อไม่ออก […]

การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยเลเซอร์กำลังสูง

High Power Laser Therapy การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยเลเซอร์กำลังสูง โดย พญ.เยาวพา ฉันทไกรวัฒน์ เลเซอร์กำลังสูง (Laser Class IV) คือคลื่นที่ถูกสังเคราะห์ให้มีความยาวคลื่นเดียว (Monochromaticity) ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่า (Invisible Light) มีกำลัง 0.5 วัตต์ขึ้นไป มีความยาวคลื่นที่สม่ำเสมอ (Directionality) มีทิศทางของคลื่นที่แน่นอน สามารถลงลึกถึงตำแหน่งที่รักษาได้ประมาณ 6 ซม. ข้อแตกต่างจากเลเซอร์ทั่วไป : ส่งพลังงานได้สูง รวดเร็ว ลงตำแหน่งที่ทำการรักษาได้ลึก ข้อดี : ผู้ป่วยไม่รู้สึกปวดขณะทำการรักษา ค่อนข้างเห็นผลได้ทันทีหลังการรักษา ใช้เวลาไม่นาน 5-10 นาทีต่อตำแหน่งที่ทำการรักษา รักษาได้ทั้งโรคเฉียบพลันไปจนถึงเรื้อรัง   ประโยชน์ของการรักษาด้วยเลเซอร์กำลังสูง กระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อให้มีการซึมผ่านของของเหลวผ่านหลอดเลือดได้ดี ช่วยลดอาการบวม ช้ำ ที่ตำแหน่งของการรักษา ลดการสังเคราะห์โปรตีนที่ทำให้เกิดอาการปวด ลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบเฉียบพลัน กระตุ้นการซ่อมสร้างหลอดเลือด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเส้นประสาท กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในกระบวนการเสริมภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมให้มีกระบวนการหายของบาดแผล สร้างคอลลาเจน […]