นวดกดจุดบรรเทาอาการท้องอืด แน่นท้องได้จริงหรือ

ความรู้แผนจีน   ลงวันที่

อาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ในปี 2015 พบผู้ป่วยที่มีอาการท้องอืดทั่วโลกคิดเป็น 29.8%[1]. ซึ่งในจำนวนนี้มีประชากรชาวยุโรปคิดเป็นประมาณ10%[2].  และประชากรชาวเอเชียคิดเป็นร้อยละ 19%. และพบชาวจีนอีกร้อยละ 24% แต่ดูเหมือนว่าในอนาคตประชาชนทั่วโลกจะมีอาการท้องอืดเพิ่มมากชึ้นอีก[3]. ในประเทศจีนศาตราจารย์ดร. Li Yan แห่ง Shengjing Hospital Affiliated to China Medical University ได้ทำงานวิจัยและรวบรวมความสัมพันธ์ระหว่างอาการท้องอืดและความวิตกกังวลโดยใช้แบบสอบถาม Hamilton Depression Scale (HAMD)、Hamilton Anxiety Scale(HAMA) เป็นต้น ภาวะAnxiety และ depressive มีความสัมพันธ์กับอาการท้องอืด[4-5] . Kugler[6] ได้รวบรวมคนไข้ที่มีภาวะAnxiousและภาวะDepressed จำนวน125คน พบว่าผู้ป่วยที่มีภาวะAnxiousมีจำนวนร้อยละ50.4%และภาวะDepressedจำนวนร้อยละ42.4% ซึ่งในจำนวนทั้งหมดนี้ไม่มีภาวะท้องอืดคิดเป็น13.3%,6.66% ตามลำดับ นั้นหมายความว่าภาวะทางอารมณ์ค่อนข้างส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ซึ่งทำให้ท้องอืดและอาหารไม่ย่อยได้ง่าย

มุมมองทางการแพทย์แผนตะวันตก

อาการและสาเหตุอาการท้องอืด (Bloated stomach) พบได้บ่อย โดยทั่วไปเป็นภาวะที่ท้องเกิดอาการแน่นเนื่องจากมีแก๊สในกระเพาะอาหาร จนทำให้ท้องดูมีลักษณะบวม บางครั้งรู้สึกปวดแน่นท้องส่วนบน รู้สึกไม่สบายท้อง เสมือนมีลมในท้อง ต้องเรอบ่อยๆบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อิ่มเร็ว หรืออาจมีอาการแน่นท้อง แม้จะรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อยก็ตาม บางรายมีอาหารแสบบริเวณหน้าอกร่วมด้วย ซึ่งอาหารท้องอืดสามารถเกิดขึ้นกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งเมื่อเกิดอาการแล้วจะส่งผลให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ไม่สะดวกเนื่องจากรู้สึกอึดอัดท้อง บางรายอาจได้ยินเสียงโครกครากภายในท้อง และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย สาเหตุโดยทั่วไปเกิดจาก เช่น โรคในระบบทางเดินอาหารเองที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว ได้แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ หรืออาจจะเกิดจากยาที่รับประทาน เช่น ยาแก้ปวดข้อที่อาจจะทำให้เยื่ยบุกระเพาะอาหารอักเสบ หรือแม้แต่ยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับที่ทำให้การบีบตัวของลำไส้ลดลง รวมถึงการดื่มสุรา แอลกอฮอลล์และการรับประทานอาหารแข็ง เป็นต้น
มุมมองทางการแพทย์แผนจีน

อาการและสาเหตุอาการท้องอืด (Piman) สาเหตุทางศาสตร์การแพทย์จีน แบ่งสาเหตุได้เป็นภาวะแกร่งและภาวะพร่อง ซึ่งทั้งสองสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาการที่ไม่ตรงเวลา หรือทานอาหารปริมาณมากเกินไป อาหารที่ไม่ย่อยตกค้างในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการอืดแน่นในท้อง หากมีอาหารที่ไม่ย่อยตกค้างในลำไส้จะเกิดการแน่นท้อง ปวดท้อง ท้องผูก หรือเกิดจากภาวะชี่ของม้ามและกระเพาะพร่อง ทำให้การลำเลียงและดูดซึมอาหารผิดปกติไป จึงทำให้เบื่ออาหาร หรือมีเสียงเคลื่อนไหวในกระเพาะอาหารและลำไส้ เมื่อการลำเลียงและดูดซึมอาหารผิดปกติไป การสร้างชี่และเลือดน้อยลง จึงเป็นสาเหตุของความอ่อนเพลียตามมา

การรักษา

การจัดการกับภาวะท้องอืด หลักการในการรักษาพยาบาลอาการท้องอืด คือการที่พยายามลดหรือกำจัดปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการท้องอืด โดยแบ่งได้เป็น 2 วิธี คือ[7]

1.การจัดการกับภาวะท้องอืดโดยใช้ยา เช่น การใช้ยาขับลมทำหน้าที่ขับลมในกระเพาะและลำไส้ ได้แก่ น้ำมันหอมระเหย (Peppermint oil) 、 Air-x, การใช้ยาลดกรดเป็นยาที่ช่วยปรับสภาพความเป็นกรดภายในกระเพาะอาหาร ให้มีความเป็นกลางมากขึ้น ได้แก่ อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminum Hydroxide) 、antacid, การใช้ยาระบาย เช่น Dulcolax , ยาช่วยย่อยที่มีส่วนประกอบของเอนไซม์ช่วยย่อย ได้แก่ อะไมเลส (Amylase) หรือแม้แต่ยากล่อมประสาทที่ช่วยลดความวิตกกังวลแต่ยาบางชนิดก็อาจส่งผลข้างเคียง เช่น ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้ ซึ่งหากมีอาการไม่พึงประสงค์ ควรรีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์ให้เร็วที่สุด

2.การจัดการกับภาวะท้องอืดโดยไม่ใช้ยา เช่น การเล่นโยคะ,การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารเช่น การรับประทานอาหารมื้อเย็นให้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการนอนหลังรับประทานอาหาร หมั่นเดินเล่นหลังจากรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานผักดิบ ,หลีกเลี่ยงความเครียด หรือแม้แต่การนวดกดจุด , การฝังเข็ม เป็นต้น

ในช่วง10ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2009-2019 ศาตราจารย์ Liu [8] แห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนฉางชุนได้รวบรวมและสังเคราะห์บทความงานวิจัยเกี่ยวกับการฝังเข็มรักษาอาการท้องอืด แน่นท้อง พบว่าการฝังเข็มรักษาระบบทางเดินอาหารได้ผลดีถึง 90% โดยใช้ Excel และ Clementinel 2.0 พบว่าในช่วง10ปี งานวิจัยที่เกี่ยวการฝังเข็มรักษาอาหารท้องอืด แน่นท้องมี 52ฉบับ จุดฝังเข็มที่ใช้ทั้งหมดที่พบในงานวิจัยมี 47 จุด ใช้ไปจำนวน600ครั้ง โดยเลือกใช้เส้นลมปราณกระเพาะอาหารมากที่สุด รองลงไปคือเส้นลมปราณเริ่น และเส้นลมปราณกระเพาะปัสสาวะตามลำดับ โดยจุดที่เลือกใช้มากที่สุดคือจุดจูซานหลี่、จุดจงหว่าน、จุดเน่ยกวาน、จุดเทียนซู、จุดไท่ซง ตามลำดับ,นอกจากนี้ยังมีการใช้จุดมู้ ค่อนข้างมาก เช่นจุดจงหว่าน、 จุดเทียนซู 、จุดชีเหมิน โดยจุดคู่ที่ใช้ด้วยกันมากที่สุดในทางคลินิกคือ จุดจูซานหลี่และจุดจงหวาน เนื่องจากเป็นจุดมู่และจุดที่รักษาอวัยวะกลวง.

ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันอาจแก้จุกเสียดแน่นท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อยด้วยยาขับลม หรือยาช่วยย่อยอาหาร ทว่าตามศาสตร์แพทย์แผนจีน เรามีวิธีกดจุดหยุดอาการท้องอืด แน่นท้องช่วยด้วยอีกทางหนึ่ง

1.จุดจู๋ซานหลี

จุดนี้จะอยู่ใต้สะบ้าหัวเข่าล่างลงไปประมาณ 3 นิ้ว โดยจะอยู่บริเวณข้างกระดูกหน้าแข้งด้านนอก โดยให้ใช้หัวแม่มือกดที่จุดจู๋ซานหลีทั้งสองข้างประมาณ 3-5 นาที ดังรูป

2.จุดจงหว่าน

จุดมู่ของกระเพาะอาหาร อยู่บนแนวกึ่งกลางลำตัวด้านหน้า เหนือสะดือ 4 นิ้ว

3.จุดเน่ยกวน

จุดเน่ยกวนจะอยู่ห่างจากเส้นข้อมือระหว่างเอ็นทั้งสอง โดยห่างจากเส้นข้อมือประมาณ 2 นิ้ว ดังรูป   กดจุดเน่ยกวานค้างไว้ข้างละ 3-5 นาทีก็จะช่วยให้ได้ผลดีขึ้น ยิ่งหากดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ สักแก้ว อาการก็จะทุเลาลงเร็วขึ้นด้วย

นอกจากวิธีการกดจุดข้างต้นแล้ว ยังอยากแนะนำวิธีป้องกันอาการจุกลิ้นปี่ด้วยการเลือกรับประทานอาหารไฟเบอร์สูง อย่างผัก-ผลไม้ เพื่อช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงควรดื่มน้ำให้พอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย และควรหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เพราะอาหารไขมันสูงเป็นสาเหตุของอาการจุกเสียดแน่นท้อง

อย่างไรก็ตามอาการท้องอืด แน่นท้อง อาจเป็นอาการแสดงของโรคต่างๆ ได้ด้วย โดยเฉพาะคนที่มีอาการจุกแน่นท้อง ต่อเนื่องนานเกิน2 สัปดาห์ แม้จะแก้ด้วยวิธีต่างๆ ไปก็ไม่ค่อยได้ผลแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการจุกเสียดลิ้นปี่โดยเร็วจะดีที่สุดค่ะ

Reference

[1]FordAC,MarwahaA,SoodR,etal.Globalprevalenceof,andrisk factors for, uninvestigated dyspepsia: a meta-analysis[J]. Gut, 2015,64(7):1049-1057.

[2]Aziz I, Palsson OS, Törnblom H, et al. Epidemiology, clinical characteristics, and associations for symptom-based Rome IV functional dyspepsia inadultsin the USA, Canada,andtheUK:a cross-sectionalpopulation-basedstudy[J].LancetGastroenterol Hepatol,2018,3(4):252-262.

[3]Ghoshal UC, Singh R, Chang FY, et al. Epidemiology of uninvestigated and functional dyspepsia in Asia: facts and fiction[J].JNeurogastroenterolMotil,  2011,17(3):235-244.2011.

[4]尚妍妍,徐峰.功能性胃肠病伴焦虑、抑郁状态及其与胃肠道症 状积分的相关性[J] . 世界华人消化杂志,2016,24(19):30513055.

[5]刘隽,刁磊,杨彩虹,等.功能性胃肠病与精神心理因素的关系 及其治疗[J] .胃肠病学,2016,21(2):98-100.

[6] Kugler TE. Anxiety and depressive disorders in functional dyspepsia: cause or consequence?[J]. Eksp Klin Gastroenterol, 2015,(9):29-35.

[7] กษมา ตันติผลาชีวะ. (2549). Post operative ileus: Cause,prevention and treatment. ศัลยศาสตร์ วิวัฒน์ 32. (หน้า 83-110). กรุงเทพฯ: กรุงเทพเวชสาร.

[8]刘武,马鋆,刘晓娜,王富春.基于数据挖掘的功能性消化不良针灸取穴规律[J].亚太传统医药,2019,15(10):157-159.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

คลินิกแพทย์แผนจีน

  • โทร 02 849 6600 ต่อ ต่อ 4018

บทความที่เกี่ยวข้อง

การฝังเข็มเลิกบุหรี่

จากการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลการสูบบุหรี่ในประเทศไทย พบว่า ผลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากรในปี 2564 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 57 ล้านคน พบว่า ผู้สูบบุหรี่ 9.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.4 ซึ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบจากปี 2560 ซึ่งสูงถึงร้อยละ 19.1(กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค) ถึงแม้ว่าการเสพติดบุหรี่ เป็นปัญหาที่สำคัญทางสังคมและการแพทย์ ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมนุษย์ เนื่องจากบุหรี่มีสารพิษมากกว่า100ชนิดที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบด้านสุขภาพที่ทำให้เกิดโรคร้ายจากการสูบบุหรี่ ทั้งนี้บุหรี่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคปอดอักเสบ โรคมะเร็ง อายุขัยสั้นลง เกิดความพิการของทารกในครรภ์ ฯลฯ นอกจากนี้ควันบุหรี่มีผลกับสมองและระบบประสาทซึ่งในควันบุหรี่มีสารนิโคตินที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท สารนี้สามารถผ่านไปสู่สมองภายในเวลา10-20วินาที หลังจากดูดบุหรี่แต่ละครั้งปริมาณนิโคตินในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งสารนิโคตินมีฤทธิ์เพิ่มการหลั่งสารสื่อประสาทโดปามีน (Dopamine) ที่ควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเคลิ้มสุข(Euphoria) ความรู้สึกสุขสบายนี้จะเกิดขึ้นในการสูบบุหรี่ครั้งแรก ๆ เมื่อสูบบุหรี่ติดต่อไปในระยะหนึ่งจะเกิดการดื้อทำให้แม้ผู้สูบจะสูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานานก็ไม่เกิดความรู้สึกสุขสบายจากการสูบบุหรี่แต่ต้องสูบบุหรี่เพื่อระงับภาวะถอนยา หรือภาวะอยากยาทางจิต (Psychological Withdrawal Syndrome) ทำให้เกิดอาการต่างๆได้แก่ เครียด หงุดหงิด ฉุนเฉียว กระวนกระวาย […]

ฝังเข็มเจ็บมากไหม ? อันตรายหรือไม่ ?

ฝังเข็มเจ็บมากไหม ? อันตรายหรือไม่ ? โดย พจ.ลดาวรรณ โชติกุลวรพฤกษ์ การฝังเข็ม(ภาษาจีน: 針灸; ภาษาอังกฤษ: Acupuncture) เป็นการแพทย์ทางเลือกแขนงหนึ่ง โดยการฝังเข็มเป็นการใช้เข็มปักลงไปตามจุดต่างๆบนร่างกาย ตามจุดสำคัญๆที่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่โบราณมาแล้วว่า มีความสำคัญและสัมพันธ์กับอวัยวะต่างๆในร่างกาย จุดฝังเข็มบนร่างกายมนุษย์มีอยู่หลายร้อยจุด แต่จุดที่มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจน ในเอกสารตำราแพทย์จีนโบราณและในเอกสารอ้างอิงขององค์การอนามัยโลก(WHO)มีอยู่จำนวน 349 จุด บนเส้นลมปราณ (meridian) หลักๆ 12 เส้นหลัก และอีก 2 เส้นรอง ซึ่งแต่ละเส้นจะมีชื่อเรียกและหน้าที่อย่างชัดเจน การฝังเข็มให้เกิดผลในการรักษาโรค ไม่ใช่เพียงแพทย์จีนปักเข็มไปตามร่างกายเท่านั้น แต่แพทย์จีนยังต้องมีเทคนิคหลายอย่างในขั้นตอนการฝังเข็ม การเลือกรักษากับแพทย์จีนที่มีความรู้เกี่ยวกับเข็มและอุปกรณ์การฝังเข็มเป็นอย่างดี ทั้งการเลือกใช้ประเภทของเข็ม ข้อระวัง วิธีการใช้ เทคนิคต่างๆในการกระทำต่อเข็มเพื่อให้ผลการรักษาได้ผลดี ตั้งแต่เริ่มการจับเข็ม การลงเข็ม การถอนเข็ม รวมถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพปลอดภัยและปลอดเชื้อ แพทย์จีนใช้เข็มอะไรฝังเข็มคนไข้ ปัจจุบันการฝังเข็มได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาโรคควบคู่ไปกับการแพทย์แผนตะวันตก หลายครั้งมีคำถามว่า เข็มที่แพทย์จีนใช้ปักบนร่างกายของคนไข้ใช้เข็มอะไร? เหมือนเข็มฉีดยาไหม? ใหญ่ไหม? ปลอดภัยหรือเปล่า?  แล้วเจ็บหรือเปล่า? รูปที่1 ลักษณะเข็มที่ใช้ในการฝังเข็ม เข็มที่แพทย์จีนนิยมใช้แพร่หลายที่สุดคือ เข็มที่มีลักษณะกลม-บาง ปลายเข็มแหลมคม ความยาวอยู่ระหว่าง […]

ยาจีนบำรุงปอด

ยาจีนบำรุงปอด                                                                    โดย พจ.มาลีนา บุนนาค ลู่   ยาจีนหรือสมุนไพรจีนที่บำรุงปอด บรรเทาอาการไอ แบ่งเป็นชนิดย่อย ๆ ได้หลายชนิด ดังนี้ 1. บำรุงปอดบรรเทาอาการไอ เช่น ไป๋เหอ มีฤทธิ์ บำรุงปอด สงบจิตใจ ลดความร้อน บรรเทาอาการไอ ไอเป็นเลือด เป้ยหมู่ มีฤทธิ์ กดชี่ลงล่าง หยุดอาการไอ สลายเสมหะ อาการไอเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล สามารถใช้ได้ นอกจากนี้ยังช่วยระบายความร้อน ลดไข้ กำจัดตุ่มหนอง ไป๋เหอ เป้ยหมู่ 2. บำรุงปอดเพิ่มสารอิน หรือสารน้ำ เช่น เทียนฮัวเฝิ่น มีฤทธิ์ ลดไข้ ทำให้ปอดชุ่มชื้น แก้กระหายน้ำ เพิ่มสารน้ำ ขับเสมหะ อู่เว่ยจึ มีฤทธิ์ เสริมสารน้ำ หยุดอาการไอ ซาเซิน มีฤทธิ์ ลดความร้อน […]

ศาสตร์การแพทย์ทางเลือกกับการฟื้นฟูรักษาอาการ Long COVID

ศาสตร์การแพทย์ทางเลือกกับการฟื้นฟูรักษาอาการ Long COVID โดย พท.ป. วรรณดี ชิตเจริญธรรม พจ. ธีรวุฒิ ชาญศิริเจริญกุล และพจ. ลดาวรรณ โชติกุลวรพฤกษ์ กลุ่มอาการ ภาวะลองโควิด (Long COVID) ตามนิยามของ WHO ในปี 2021 กล่าวไว้ว่า เป็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่หรือต่อเนื่องภายหลังการการติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโรคโควิด (COVID – 2019) อาการลองโควิดโดยส่วนใหญ่เริ่มขึ้นหลังจากที่ผู้ป่วยเริ่มฟื้นตัวจากการติดเชื้อโควิด 19 แบบรุนแรงเฉียบพลัน มีความสัมพันธ์กับอาการป่วยที่รุนแรงจากการติดเชื้อที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ระยะเวลาของอาการส่วนมากตั้งแต่ 3 เดือน นับจากวันตรวจพบเชื้อ และมีอาการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เดือน และกลุ่มอาการมีความหลากหลายและกระทบกับหลายระบบในร่างกาย เช่น ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพจิต โดยมักพบมีอาการภายหลังการติดเชื้อ 4-12 สัปดาห์ โดยอาการที่พบสามารถดีขึ้นหรือแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป และ/หรือมีการกลับเป็นซ้ำใหม่ได้ ลักษณะอาการลองโควิดที่พบบ่อย ได้แก่ อ่อนเพลีย หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย ไอ นอนไม่หลับ […]