โภชนาการสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี

โภชนาการสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี

                                                                                  โดย นายธนวัฒน์  ชาชิโย (นักวิชาการโภชนาการ)

อาหารเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี การรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดี อีกทั้งยังช่วยควบคุมภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อเอชไอวี และช่วยควบคุมอาการข้างเคียงจากการให้ยาได้

ปัญหาโภชนาการที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวีมีอะไรบ้าง

สำหรับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีจำเป็นต้องได้รับยาเพื่อการรักษา และสภาวะของโรคบางครั้งอาจทำให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโภชนาการได้ ดังต่อไปนี้

  • ความสามารถในการรับประทานหรือกลืนได้ลำบาก (การติดเชื้อ  อักเสบ หรือแผลบริเวณช่องปาก)
  • การเปลี่ยนแปลงของการดูดซึมและระบบเผาผลาญสารอาหารของร่างกาย
  • ผลข้างเคียงจากยาเอชไอวี เช่น สูญเสียความอยากอาหาร คลื่นไส้ หรือท้องร่วง 

คำแนะนำหรือข้อควรระวัง “อาหารสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี”

  1. เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะช่วยปกป้องระบบภูมิคุ้มกัน กำหนดปริมาณที่ควรได้รับ 5-9 ส่วนต่อวัน วิธีง่าย ๆ ในการรับประทานอาหารให้ได้ตามปริมาณที่กำหนดไว้นั้นคือ การเพิ่มผลไม้และผักให้ได้ปริมาณครึ่งหนึ่งของจานอาหารในแต่ละมื้อ เพื่อให้ได้วิตามินและแร่ธาตุมากที่สุด
  2. รับประทานโปรตีนให้เพียงพอ และคุณภาพดี เพื่อให้ร่างกายใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, เนื้อไก่, ปลา, ไข่, ถั่วเมล็ดแห้ง 

เพิ่มเติม : อาจต้องรับประทานโปรตีนในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นหากคุณมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ หรือภาวะน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรคซึ่งแพทย์ผู้รักษาสามารถประเมินและกำหนดปริมาณที่เหมาะสมให้ได้

  1. เลือกกลุ่มข้าวแป้ง-ธัญพืชที่ไม่ขัดสี เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตซึ่งจะให้พลังงานแก่ร่างกายเป็นหลัก อุดมไปด้วยวิตามินบี และใยอาหาร ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการสะสมไขมันที่เรียกว่า lipodystrophy (ภาวะไขมันกระจายตัวผิดปกติ) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากเอชไอวี
  2. จำกัดปริมาณน้ำตาลและเกลือ เพราะเชื้อไวรัสและยาที่ได้รับส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น หากได้รับปริมาณน้ำตาลและเกลือมากเกินไป ดังนั้นพลังงานที่ได้รับจากน้ำตาลทั้งจากอาหารและเครื่องดื่ม ควรน้อยกว่า 10% จากพลังงานที่ควรได้รับในต่อวัน (ปริมาณ ไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวันโดยประมาณ) และปริมาณเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน (โซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน)
  3. เลือกรับประทานไขมันที่ดีต่อสุขภาพในปริมาณที่เหมาะสม ได้แก่ ถั่ว น้ำมันจากพืชและอะโวคาโด
  4. ควรได้รับปริมาณอาหารที่เหมาะสมตามความต้องการของร่างกาย ทั้งพลังงานและสารอาหาร ซึ่งควรได้รับการประเมินสัดส่วนของสารอาหารเป็นรายบุคคลตามคำแนะนำ (DRI) โดยที่คาร์โบไฮเดรตประมาณ 45-65% โปรตีน 10-35% และไขมัน 20-35% ส่วนใยอาหารควรได้รับ 14 กรัม ต่อความต้องการพลังงาน 1000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน

   ในทางตรงกันข้ามหากมีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง มีน้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้ร่างกายของคุณอ่อนแอลง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องได้รับพลังงานจากอาหารอย่างเพียงพอ 

 – เลือกรับประทานกลุ่มอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ถั่ว หรือเนยถั่ว  

 – เพิ่มมื้ออาหารระหว่างมื้อมากขึ้น เช่น กลุ่มของคาร์โบไฮเดรต เช่น แครกเกอร์, ขนมปังโฮลสวีท จับคู่กับอาหารกลุ่มโปรตีน เช่น เนยถั่ว, เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ,ไข่

 – กลิ่นอาหารอาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ ควรรับประทานอาหารในที่ทีอากาศถ่ายเทได้สะดวก

            – ปัญหาทางช่องปาก มีอาการกลืนลำบากหรือเจ็บจากแผลในปาก ควรปรุงอาหารให้นิ่ม อ่อนนุ่ม          หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารรสเค็ม, เผ็ดหรือเป็นกรด และล้างปากด้วยน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหาร

  1. หลีกเลี่ยงการรับประทานกลุ่มใยอาหารต่ำ ไขมันสูง อาจส่งผลให้เกิดการสะสมของเนื้อเยื่อไขมันที่ผิดปกติ ความดื้อต่ออินซูลิน และความอ้วนได้ งานวิจัยระบุว่าการให้อาหารที่มีไขมันต่ำ และไขมันอิ่มตัวต่ำ ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด เพิ่มระดับ HDL ในเลือด และลดความเสี่ยงในการเกิดการสะสมของเนื้อเยื่อไขมันที่ผิดปกติได้
  2. สำหรับผู้ป่วยเอชไอวีที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง แนะนำให้ควบคุมปริมาณไขมัน เพื่่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ (ไขมัน 25-35% ของพลังงานรวม ไขมันอิ่มตัวน้อยกว่า 7% ไขมันทรานส์น้อยกว่า 1% และโคเลสเตอรอลน้อยกว่า 200 mg ต่อวัน) 
  3. ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำซึ่งอาจเกิดจากอาการท้องร่วงหรือคลื่นไส้อาเจียน

10.เน้นความสะอาดและปลอดภัยของอาหาร (Food safety) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีระดับภูมิคุ้มกันต่ำมาก เนื่องจากกลุ่มผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย เมื่อผู้ป่วยได้รับอาหารที่ไม่สะอาด หรือมีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคอาหารเป็นพิษมากกว่าคนทั่วไป

ข้อแนะนำ :   – ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหาร 

      – รับประทานอาหารที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ดิบ 

      – ล้างผลไม้สดและผักด้วยน้ำสะอาด

      – ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนรับประทาน

      – แนะนำให้ดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำดื่มบรรจุขวดและหลีกเลี่ยงน้ำแข็งและเครื่องดื่มที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ

ReferencePasco County Health Department: “Putting the Pieces Together: A Companion Guide to Improving Nutrition and Food Safety for Persons Living With HIV.”

                       Academy of Nutrition and Dietetics. HIV/AIDS (H/V) Guideline Evidence Analysis Library. 2010. [Accessed at http://andeal.org/topic.cfm?menu=5312&cat=4458]

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

บทความที่เกี่ยวข้อง

มะเร็งปอด

มะเร็งปอด นพ.คมน์สิทธิ์ ทองธรรมชาติ (อายุรศาสตร์มะเร็งว […]