บทความทางรังสีวิทยา : ตรวจหลอดเลือดดำลึกที่ขาอุดตันด้วยอัลตราซาวด์

ตรวจหลอดเลือดดำลึกที่ขาอุดตันด้วยอัลตราซาวด์

โดย พ.ญ.สิรินุช โรจนไพฑูรย์ รังสีแพทย์ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษกฯ

 

หลอดเลือดดำลึกที่ขาอุดตันหรือ deep vein thrombosis (DVT) คือ ภาวะที่มีลิ่มเลือดอุดในหลอดเลือดดำของขาทำให้ขัดขวางการไหลเวียนของเลือด

อาการเป็นอย่างไร ไม่มีอาการ ขาบวม ปวด กดเจ็บตามแนวหลอดเลือดดำที่อุดตัน ผิวหนังแดง

อันตรายหรือไม่

สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ เมื่อลิ่มเลือดที่ขาหลุดไปแล้วไหลเวียนไปตามกระแสเลือด ไปสู่เส้นเลือดในปอด ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดในปอดอุดตัน (pulmonary embolism) ซึ่งผู้ป่วยอาจไม่มีอาการหรือมีอาการ ได้แก่ เหนื่อย หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว เจ็บแน่นหน้าอก ไอเป็นเลือด หรือหมดสติได้

ในระยะยาว ผู้ป่วยอาจมีอาการที่เกิดจากหลอดเลือดที่ขาและลิ้นของหลอดเลือดดำเสียหาย ทำให้มีอาการขาบวมหรือแผลเรื้อรังได้

สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง

  1. การบาดเจ็บของหลอดเลือดดำ เช่น อุบัติเหตุ กระดูกหัก
  2. เลือดหมุนเวียนช้า เช่น ผู้ป่วยนอนติดเตียง ผู้ป่วยที่ไม่ได้ขยับขาเป็นระยะเวลานาน หลังการผ่าตัด การเดินทางและนั่งนาน ๆ
  3. ภาวะเลือดแข็งตัวง่าย เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง การรับประทานยาฮอร์โมนบางชนิด โรคเลือดแข็งตัวง่าย
  4. อื่น ๆ เช่น เคยเป็นลิ่มเลือดอุดตันมาก่อน ภาวะอ้วน การใส่สายสวนหลอดเดือดดำ

มีการตรวจวินิจฉัยทางรังสีอย่างไรบ้าง อัลตราซาวด์ (Doppler ultrasound) เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CTV) ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRV) การฉีดสารทึบรังสี (Venogram)

ข้อดีของการทำอัลตราซาวด์ (Doppler ultrasound) ถูกต้องแม่นยำ สะดวกรวดเร็ว ไม่เจ็บ ไม่ได้รับรังสี ไม่ใช้สารทึบรังสีจึงไม่มีข้อควรระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้หรือเป็นโรคไต

การเตรียมตัวตรวจอัลตราซาวด์ ตรวจได้เลยโดยไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร

ตรวจอย่างไร ผู้ป่วยนอนหงาย จัดท่างอเข่าเล็กน้อย ตรวจที่ระดับขาหนีบลงไป บางกรณีจะมีการบีบน่องของผู้ป่วยหรือให้ผู้ป่วยช่วยเบ่งท้องร่วมด้วย ตรวจขา 1 หรือ 2 ข้างตามข้อบ่งชี้

การรักษา ฉีดยา กินยาละลายลิ่มเลือด ในกรณีที่อุดตันและมีอาการรุนแรงอาจมีการรักษาโดยการผ่าตัดนำลิ่มเลือดออก

การป้องกัน

ขยับตัวโดยเร็วที่สุดหลังจากไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน เช่น หลังการผ่าตัด การเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บ

เมื่อนั่งเป็นเวลานานให้ลุกขึ้นเดินไปรอบๆ ทุกๆ 2 ถึง 3 ชั่วโมง

ออกกำลังกายขาขณะนั่งโดย

  1. ยกและลดระดับส้นเท้าโดยให้นิ้วเท้าอยู่บนพื้น
  2. ยกและลดระดับนิ้วเท้าโดยให้ส้นเท้าอยู่บนพื้น
  3. เกร็งและคลายกล้ามเนื้อขา

สวมเสื้อผ้าหลวมๆ ควบคุมน้ำหนัก ไม่สูบบุหรี่

หากมีความเสี่ยงต่อการเป็น DVT อาจปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับถุงน่องรัดกล้ามเนื้อหรือการรับประทานยาป้องกัน

 

 

อ้างอิง  Centers for Disease Control and Prevention (CDC)

 

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

คลินิกรังสีวินิจฉัย

  • โทร 02 849 6600 ต่อ 3155 , 3156

บทความที่เกี่ยวข้อง

ถุงใต้ตาและร่องใต้ตา

ถุงใต้ตาและร่องใต้ตา (Baggy Eyelid and Tear Trough Deformity) โดย นพ. เอกชัย เลาวเลิศ   (ภาพแสดงลักษณะถุงใต้ตา และร่องใต้ตา) ถุงใต้ตาทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า และดูมีอายุ ไม่สดใส ร่วมกันกับการมีร่องใต้ตาที่ลึก เมื่อถ่ายรูป และยิ้ม อาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจที่จะยิ้ม หรือแสดงสีหน้า สร้างความลำบากในการเข้าสังคม และเสียบุคลิกภาพ (ภาพแสดงลักษณะกายวิภาคการเกิดถุงใต้ตา) ถุงใต้ตาเกิดจากลักษณะเอ็นยึดใต้เบ้าตา (Orbital Retaining Ligament) และเอ็นยึดเบ้าส่วนร่องน้ำตา (Tear Trough Ligament) หย่อน (Attenuation) เห็นเป็นร่องชัด และมีถุงไขมันใต้ตาชั้นลึก (Retroseptal Fat Pad) เริ่มขยายและหย่อนตัวลง (herniation) เหนือเอ็นยึด ทำให้เห็นเป็นถุงปูดเหนือร่องใต้เบ้าตา (ภาพแสดงการแก้ไขจัดเรียงไขมันถุงใต้ตา) เพื่อให้ร่องชัดน้อยลง และเห็นถุงปูดน้อยลง สามารถแก้ไขได้โดยการสลายเอ็นยึดดังกล่าว และจัดเรียงไขมัน หรือนำออกบางส่วนเพื่อให้ระหว่างเบ้าตา และใบหน้าส่วนแก้ม (Lid-Cheek Junction) มีร่องลึกรอยต่อที่เห็นได้ชัดน้อยลง […]

GJ E-Magazine เล่มที่ 30

GJ E-Magazine ฉบับที่ 30 (เดือนมกราคม 2568) “การรักษาด้วยออกซิเจนบำบัดแรงดันสูง” คลิกที่นี่เพื่ออ่าน   ไฟล์ขนาดใหญ่สำหรับพิมพ์ : คลิกที่นี่

สมุนไพรต้านอากาศหนาว

สมุนไพรต้านอากาศหนาว พจ.รณกร โลหะฐานัส ตามตำราแพทย์จีน ความเย็น เป็นลมฟ้าอากาศหลักในฤดูหนาว ในฤดูหนาวมีโอกาสป่วยจากความเย็นได้ง่าย ถ้ารักษาความอบอุ่นของร่างกายไม่เพียงพอ เช่น อยู่ในที่มีอากาศหนาวเย็นเกินไป สวมใส่เสื้อผ้าบางเกินไป โดนฝน แช่อยู่ในน้ำเย็นนานเกินไป จะมีโอกาสเจ็บป่วยจากความเย็นได้ง่าย คุณสมบัติของความเย็นและการเกิดโรค ความเย็นชอบทำลายหยาง ความเย็นเป็นอิน ปกติลมปราณอินจะถูกควบคุมด้วยลมปราณหยาง อินเพิ่มทำให้หยางป่วย เกิดจากลมปราณอินเพิ่มขึ้นและย้อนไปข่มหยาง ลมปราณหยางไม่สามารถสร้างความอบอุ่นเป็นพลังผลักดันการทำงานของร่างกายจึงเกิดกลุ่มอาการเย็น เช่น ถ้าความเย็นมากระทบที่ส่วนนอกของร่างกายผลักดันหยางให้เข้าไปอยู่ในร่างกาย จะทำให้มีอาการกลัวหนาว เหงื่อไม่ออก ปวดศีรษะ ปวดตัว ปวดข้อ ถ้าความเย็นกระทบกระเพาะอาหาร จะทำให้ปวดเย็นในท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ ถ้าความเย็นกระทบปอด จะทำให้ไอ หอบ มีเสมหะใส ถ้าความเย็นกระทบไต จะทำให้ปวดเย็นที่เอว ปัสสาวะมาก บวมน้ำ ความเย็นทำให้หยุดนิ่ง ติดขัด เมื่อความเย็นเข้าทำลายหยาง ทำให้เลือดลมไม่ไหลเวียน เกิดการติดขัดและปวดขึ้น ถ้าให้ความอบอุ่นจะทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น อาการปวดทุเลาลง ความเย็นทำให้หดเกร็ง เมื่อความเย็นมากระทบส่วนนอกของร่างกาย ทำให้ผิวหนังหดตัว รูขุมขนปิด เส้นลมปราณตีบตัน หยางที่ปกป้องร่างกายไม่ไหลเวียนมาที่ส่วนนอก ทำให้เป็นไข้ กลัวหนาว เหงื่อไม่ออก […]

การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยเลเซอร์กำลังสูง

High Power Laser Therapy การรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยเลเซอร์กำลังสูง โดย พญ.เยาวพา ฉันทไกรวัฒน์ เลเซอร์กำลังสูง (Laser Class IV) คือคลื่นที่ถูกสังเคราะห์ให้มีความยาวคลื่นเดียว (Monochromaticity) ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่า (Invisible Light) มีกำลัง 0.5 วัตต์ขึ้นไป มีความยาวคลื่นที่สม่ำเสมอ (Directionality) มีทิศทางของคลื่นที่แน่นอน สามารถลงลึกถึงตำแหน่งที่รักษาได้ประมาณ 6 ซม. ข้อแตกต่างจากเลเซอร์ทั่วไป : ส่งพลังงานได้สูง รวดเร็ว ลงตำแหน่งที่ทำการรักษาได้ลึก ข้อดี : ผู้ป่วยไม่รู้สึกปวดขณะทำการรักษา ค่อนข้างเห็นผลได้ทันทีหลังการรักษา ใช้เวลาไม่นาน 5-10 นาทีต่อตำแหน่งที่ทำการรักษา รักษาได้ทั้งโรคเฉียบพลันไปจนถึงเรื้อรัง   ประโยชน์ของการรักษาด้วยเลเซอร์กำลังสูง กระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อให้มีการซึมผ่านของของเหลวผ่านหลอดเลือดได้ดี ช่วยลดอาการบวม ช้ำ ที่ตำแหน่งของการรักษา ลดการสังเคราะห์โปรตีนที่ทำให้เกิดอาการปวด ลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการอักเสบเฉียบพลัน กระตุ้นการซ่อมสร้างหลอดเลือด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเส้นประสาท กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในกระบวนการเสริมภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมให้มีกระบวนการหายของบาดแผล สร้างคอลลาเจน […]