- Home
- Blog
- ความรู้ทั่วไป
- การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ
การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ

การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ
(Safety Home Environment for Elderly)
โดย พญ.มณีญาณ์ พงษ์ขวัญ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
ปัญหาการหกล้มในผู้สูงอายุ เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ่อย เนื่องจากความเสื่อมถอยของร่างกายตามวัย ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงและทรงตัวได้ไม่ดีพอ จากการวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เสี่ยงต่อการหกล้ม 28 – 35% และยังพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตจากการหกล้มสูงเป็นอันดับ 2 รองจากการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการหกล้มในผู้สูงอายุ
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก
ปัจจัยเสี่ยงภายใน คือ ปัจจัยทางด้านร่างกายของผู้สูงอายุเอง เช่น
- การเปลี่ยนแปลงด้านสายตา ผู้สูงอายุมักมีปัญหาสายตายาวหรือโรคต้อ ทำให้มองเห็นไม่ชัด
- การเปลี่ยนแปลงด้านข้อต่อและเอ็นที่อ่อนแอลง ส่งผลต่อการทรงตัวที่ไม่ดี
- มักมีปัญหาปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นไม่อยู่ ทำให้ต้องรีบเร่งในการเข้าห้องน้ำและเกิดการหกล้มบ่อยครั้ง
- โรคประจำตัวบางอย่างที่ส่งผลต่อการหกล้ม เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน
- การใช้ยาบางตัวมีความเสี่ยงต่อการหกล้ม เช่น ยาลดความดันโลหิต ยานอนหลับ ยาต้านซึมเศร้า
ส่วนปัจจัยเสี่ยงภายนอกหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้สูงอายุ ประกอบไปด้วยสิ่งแวดล้อมในบ้านและนอกบ้าน เช่น พื้นบ้าน แสงสว่างไม่เพียงพอ บันได ห้องน้ำ ห้องครัว รองเท้าไม่เหมาะสม เป็นต้น
สิ่งแวดล้อมในบ้านที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ
โครงสร้างและข้อแนะนำทั่วไป
บ้านสำหรับผู้สูงอายุ ควรเป็นบ้านชั้นเดียว หรือกรณีที่บ้านมีหลายชั้นควรอยู่ชั้นล่าง เพื่อลดความเสี่ยงในการพลัดตกหกล้มจากการขึ้นลงบันได โดยมีคำแนะนำดังนี้
- ภายในบ้านควรมีแสงสว่างเพียงพอ โดยเฉพาะบริเวณบันได ทางเดิน และห้องน้ำ แนะนำให้เปิดหน้าต่างหรือประตู เพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาภายในบ้าน แต่หากพบว่าแสงสว่างยังไม่เพียงพอ ควรแนะนำให้ติดหลอดไฟเพิ่มเติม
- จัดวางของอย่างเป็นระเบียบ ไม่ระเกะระกะ โดยเฉพาะทางเดินและบันได
- มีการระบายอากาศที่พอเหมาะ อากาศถ่ายเทได้สะดวก เช่น แนะนำเปิดประตูและหน้าต่างเพื่อลดความอับทึบและอับชื้นภายในบ้าน
- พื้นบ้าน ควรราบเรียบเสมอกัน และควรหลีกเลี่ยงพื้นลื่น ขัดมัน เงา หรือลงน้ำมัน โดยเฉพาะพื้นห้องน้ำ พื้นบันได และทางเดิน
- ทางต่างระดับ บ้านที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุไม่ควรมีทางต่างระดับ หากไม่สามารถแก้ไขทางต่างระดับ ควรมีสัญลักษณ์เพื่อเตือนให้ผู้สูงอายุทราบถึงจุดต่างระดับและลดความเสี่ยงพลักตกหกล้ม เช่น แถบเรืองแสง หรือติดวัสดุกันลื่น
- บันได ควรมีราวจับมั่นคงทั้งสองด้าน โดยราวบันไดควรเป็นทรงกลม เพื่อความสะดวกในการเกาะจับ และราวบันไดควรยาวกว่าบันไดขั้นสุดท้าย 30 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการก้าวผิด ขอบบันไดควรติดวัสดุกันลื่น สีต่างจากพื้น หรือแถบเรืองแสง เพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะการเดินที่เปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุที่มักจะเกิดก้าวสั้น จึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับความลาดชันของลูกตั้งลูกนอนและลักษณะบันได ได้แก่ ความกว้างของขั้นบันได ไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 1.5 เมตร ลูกตั้งไม่เกิน 15 เซนติเมตร และลูกนอนกว้างไม่น้อยกว่า 28 เซนติเมตร เพื่อวางเท้าได้เต็มเท้า ควรปิดด้านหลังขั้นบันไดให้สนิท หากมีชานพักบันได ควรกว้างไม่น้อยกว่า 1.2 เมตร
(บันไดควรมีราวจับทรงกลมเพื่อความสะดวกในการเกาะจับและติดวัสดุกันลื่นระหว่างขั้นบันได เพื่อให้ผู้สูงอายุสังเกต)
- ประตู ควรเป็นแบบเลื่อนเปิด-ปิด และมีความกว้างที่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่มีอุปกรณ์ช่วยเดิน หรือรถเข็นเข้าออกได้อย่างสะดวก โดยควรมีความกว้างอย่างน้อย 90 เซนติเมตร ไม่ควรมีธรณีประตู หรือหากจำเป็นต้องมีร่องสำหรับประตูเลื่อน ร่องควรอยู่ด้านบนเพื่อป้องกันผู้สูงอายุสะดุด สำหรับก้านบิดประตู ควรอยู่สูงจากพื้นประมาณ 1 – 1.2 เมตร โดยแนะนำให้ใช้ก้านโยกประตูหรือแกนมากกว่าลูกบิด สำหรับประตูห้องน้ำ หากเป็นไปได้ควรเป็นประตูที่สามารถปลดล็อคได้ทั้งจากภายในและภายนอก เพื่อจะได้สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันกรณีเกิดอุบัติเหตุในห้องน้ำ
- ผนังห้อง ควรใช้สีที่แตกต่างจากสีของพื้นและเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงสีของโถสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ เนื่องจากผู้สูงอายุจะมีความสามารถในการแยกสีได้ลดลง สำหรับสีผนังห้องควรใช้สีโทนสว่าง หรือสีสันสดใสที่สบายตา ไม่ควรมีลวดลาย โดยสีผนังและฝ้าควรใช้สีที่สว่างที่สุด ส่วนสีกลางควรใช้กับพื้นหรือเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ยังแนะนำให้นำรูปภาพที่มีความหมายแขวนไว้ที่ผนัง เช่น รูปครอบครัว เพื่อใช้กระตุ้นความจำ ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้ ควรมีนาฬิกาและปฏิทิน ช่วยบอกเวลาและวัน เพื่อป้องกันภาวะสับสนในผู้สูงอายุได้
- ราวจับทางเดิน ควรเป็นลักษณะกลม ผิวเรียบเส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้สูงอายุกำราวได้พอดีมือ โดยราวจับควรติดตั้งสูงจากพื้น 90 เซนติเมตร
- ทางลาด ในบางบ้านที่มีผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น อาจจำเป็นต้องมีทางลาดจากตัวบ้านไปสู่หน้าบ้าน โดยควรเป็นทางราบ ผิวไม่ลื่น และพื้นต้องเรียบไม่สะดุด ความชันของทางลาดไม่ชันจนเกินไป เมื่อเทียบกับอัตราส่วนระหว่างความสูงต่อความยาวทางลาดไม่เกิน 1:12 และทางลาดแต่ละช่วงยาวไม่เกิน 6 เมตร ควรมีความกว้างของทางลาด ไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร ควรมีราวจับที่สูงจากพื้นประมาณ 90 เซนติเมตร
**สำหรับอาคารที่ต้องการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในกฎกระทรวง กำหนดสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารสำหรับผู้พิการหรือทุพพลภาพ และคนชรา (ฉบับที่ 2) ปี พ.ศ. 2564 - ปลั๊กและสวิตซ์ไฟ ควรอยู่ในตำแหน่งที่ผู้สูงอายุเปิด-ปิดได้สะดวก และอยู่ในระดับความสูงที่เหมาะสม โดยควรสูงจากพื้นประมาณ 90 เซนติเมตร นอกจากนี้อาจใช้สีสะท้อนหรือสติกเกอร์เรืองแสงเพื่อช่วยให้มองเห็นได้ง่ายขึ้นในช่วงกลางคืน สำหรับสวิตซ์ไฟบริเวณบันไดอาจะเป็นสวิตซ์ที่สามารถใช้เปิด-ปิดได้ ทั้งจากสวิตซ์ชั้นบนและชั้นล่าง เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงบันได
- พรมหรือผ้าเช็ดเท้า ควรยืดติดพรมหรือผ้าเช็ดเท้ากับพื้น หลีกเลี่ยงผ้าที่ลื่น
- เฟอร์นิเจอร์ หากเฟอร์นิเจอร์มีมุมควรมียางกันกระแทก ส่วนเก้าอี้ไม่ควรอยู่ในระดับต่ำหรือเบาะลึกจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ผู้สูงอายุลุกและนั่งลำบาก
- ของใช้ที่จำเป็น ควรวางอยู่ในบริเวณที่ผู้ป่วยอยู่เป็นประจำ และอยู่ในระดับที่หยิบจับถึงได้สะดวก
- สัตว์เลี้ยง หากบ้านมีสัตว์เลี้ยง ควรเลี้ยงแยกจากผู้สูงอายุ เนื่องจากสัตว์เลี้ยงอาจทำให้ผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุได้ เช่น เดินสะดุดสัตว์ หรือสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่วิ่งชน อาจทำให้เกิดการหกล้มได้
ห้องนอน
- เตียง ความสูงของเตียงควรอยู่ในระดับที่เมื่อผู้สูงอายุนั่งบนเตียงแล้วขาวางตั้งฉากที่พื้นพอดี หรือความสูงประมาณข้อพับเข่าของผู้สูงอายุ หรือประมาณ 40-50 เซนติเมตร เตียงควรมีความกว้างพอเหมาะ มีราวกั้นสำหรับป้องกันผู้สูงอายุพลัดตกเตียง และมีที่ว่างรอบเตียงอย่างน้อย 90 เซนติเมตร
- ไฟหัวเตียง ควรอยู่ในตำแหน่งที่ผู้สูงอายุสามารถเอื้อมถึงง่าย อาจเป็นโคมไฟหรือไฟฉาย
- ควรอยู่ใกล้ห้องน้ำ
ห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดในผู้สูงอายุ สาเหตุสำคัญ เช่น พื้นลื่น สะดุดสิ่งของ เสียการทรงตัว และสะดุดพื้นต่างระดับ
- พื้นที่ห้องน้ำมีความกว้างเหมาะสม พื้นที่ไม่กว้างไม่แคบจนเกินไป ภายในห้องน้ำควรมีพื้นที่เพียงพอ กรณีหากมีรถเข็นจะสามารถหมุนตัวได้ โดยประมาณเส้นผ่านศูนย์กลางห้องน้ำไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร และมีการระบายอากาศที่ดี
(ห้องน้ำควรมีพื้นที่กว้างเพียงพอ ควรมีราวจับที่ชักโครกและอ่างล้างหน้า เพื่อช่วยในการพยุงตัวและทรงตัว ชักโครกควรเป็นแบบนั่งราบ สีสุขภัณฑ์ควรแตกต่างจากสีพื้นและผนังห้องน้ำ)
- พื้นห้องน้ำ ควรอยู่ในระดับเดียวกับพื้นภายนอก หากเป็นทางต่างระดับ ควรมีสัญลักษณ์ติดที่ทางต่างระดับชัดเจน ควรแยกพื้นที่ห้องน้ำส่วนที่แห้งและส่วนที่เปียกออกจากกัน ในส่วนเปียกควรมีการระบายน้ำที่ดี และควรมีพื้นกันลื่น
- ชักโครก ควรเป็นโถแบบนั่งราบแทนโถนั่งยอง โดยระยะห่างจากผนังมายังกึ่งกลางโถสุขภัณฑ์ประมาณ 45 เซนติเมตร สูงจากพื้น 40-45 เซนติเมตร มีพนักพิงหลัง มีราวจับด้านข้างในด้านที่ไม่ชิดผนัง
- ราวจับ อาจเป็นรูปตัว L หรือ ตัว T ควรอยู่ใกล้ชักโครก เพื่อช่วยในการพยุงตัวและทรงตัวเวลาลุกยืน นอกจากนี้ควรมีราวจับที่บริเวณอ่างล้างมือและตรงบริเวณอาบน้ำด้วย โดยราวจับควรสูงจากพื้น 70-80 เซนติเมตร ยื่นออกมาจากหน้าโถ 25-30 เซนติเมตร
- เก้าอี้อาบน้ำ ผู้สูงอายุควรมีเก้าอี้ที่แข็งแรง มั่นคง ยึดติดกับที่ สำหรับนั่งอาบน้ำ
ห้องครัว
- พื้นครัว ควรทำความสะอาดพื้นห้องครัวให้สะอาดอยู่เสมอ เช็ดน้ำและละอองน้ำมันตามพื้น
- อุปกรณ์ในครัว ควรเก็บภาชนะ เช่น จาน ชาม แก้ว หม้อ ไว้ในบริเวณที่ผู้สูงอายุเอื้อมหยิบได้สะดวก วางเป็นระเบียบ อุปกรณ์ที่ใช้บ่อยวางไว้ใกล้มือ ส่วนเคาน์เตอร์ครัว โต๊ะและอ่างล้างจาน ควรมีความสูงประมาณ 75 เซนติเมตร ไม่ลึกเกินกว่าระยะแขนเอื้อม เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
- โต๊ะกินข้าว ควรมีที่ว่างด้านล่าง เพื่อให้ผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นสามารถสอดขาเข้าไปได้
นอกจากการจัดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านให้ปลอดภัยแล้ว รองเท้าและอุปกรณ์ช่วยเดินที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้สูงอายุเช่นกัน โดยรองเท้าที่ผู้สูงอายุควรใส่ ได้แก่ รองเท้ามีส้น รองเท้าหุ้มส้น หรือมีสายรัด พื้นไม่ลื่น มีดอกยาง ใส่แล้วกระชับ ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป สำหรับผู้สูงอายุที่มีอุปกรณ์ช่วยเดิน ควรประเมินความเหมาะสม ความถูกต้องของวิธีการใช้และสภาพการใช้งานของอุปกรณ์ช่วยเดินเป็นประจำ หากพบว่าใช้อุปกรณ์ช่วยเดินไม่เหมาะสมควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อทำการแก้ไขทันที
เอกสารอ้างอิง
- กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. การพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 9 กรกฎาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/dip/news.php?news=21588&deptcode=dip
- กรมกิจการผู้สูงอายุ. การหกล้มในผู้สูงอายุ [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 9 กรกฎาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://www.dop.go.th/th/know/15/548
- สุภาวิตา เปลี่ยนน่วม. การจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ. ใน: กรภัทร มยุระสาคร, ชัยศิริ อังกุระวรานนท์, โรจนศักดิ์ ทองคำเจริญ, อภิชัย วรรธนะพิศิษฐ์, บรรณาธิการ. แนวทางการดูแลผู้ป่วยในระดับปฐมภูมิ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์. กรุงเทพฯ: พีพี มีเดีย ดีไซน์ แอนด์ พริ้นท์; 2566. หน้า 207–21.
- ชุมเขต แสวงเจริญ. การจัดสภาพสิ่งแวดล้อมในบ้านที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 9 กรกฎาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://www.dop.go.th/download/knowledge/th1614846856-568_0.pdf
- ศูนย์กายภาพบำบัด คณะภายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล. การปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้าน เพื่อป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 9 กรกฎาคม 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://pt.mahidol.ac.th/ptcenter/knowledge-article/การปรับสภาพแวดล้อมภายใ/#:~:text=1สิ่งแวดล้อมภายในและรอบ,พยุงตัวเมื่อจำเป็นต้อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม
คลินิกเวชศาสตร์ครอบครัว
- โทร 02 849 6600 ต่อ 3119,4019