ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

โดย พญ.สิริกุล ฐานพงษ์ และพว.วีณา อวยชัย หน่วยสูตินรีเวชกรรม

ห่วงอนามัยคุมกำเนิด ( Intra Uterine Device ) เป็นอุปกรณ์ คุมกำเนิดขนาดเล็กที่ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ระยะเวลาของการคุมกำเนิดขึ้นกับชนิดของห่วงอนามัย

ชนิดของห่วงอนามัย

1. ห่วงอนามัยชนิดที่มีฮอร์โมน (hormonal intrauterine device หรือ intrauterine system) มีฮอร์โมน levonorgestrel เคลือบอยู่ ทำให้ผนังมดลูกบางตัว ไม่พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนและเพิ่มความหนาของมูกที่ปากมดลูก นอกจากใช้คุมกำเนิดแล้วยังสามารถใช้รักษาความ ผิดปกติอื่น ได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ประจำเดือนมามาก หลังใส่ห่วงชนิดนี้อาจมีเลือดออกผิดปกติ ในช่วง 3 เดือนแรก จากนั้นปริมาณระดูจะค่อยๆ ลดลงจนเกิดภาวะไม่มีระดูภายใน 1 ปีหลังใส่ ตัวอย่างห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน ได้แก่ Mirena สามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปี
2. ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง (copper-containing intrauterine device มีสารทองแดงที่ปล่อยออกจากห่วงอนามัย ออกฤทธิ์เพื่อกระตุ้นการอักเสบในโพรงมดลูกและขวางตัวการฝังตัวของตัวอ่อน สามารถใช้เพื่อคุมกำเนิดฉุกเฉินในกรณีมีเพศสัมพันธ์ไม่พึงประสงค์ โดยต้องใส่ห่วงอนามัย ภายใน 5 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์ ตัวอย่างห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง ได้แก่ Multiload CU 375 สามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปี

ระยะเวลาที่เหมาะสมในการใส่ห่วงอนามัย

1. ขณะกำลังมีระดู หรือภายใน 7 วันแรกของระดู
2. หลังการคลอดบุตรทางช่องคลอด 6 สัปดาห์ หรือหลังผ่าตัดคลอด 8 สัปดาห์ หรือใส่ทันทีหลังการแท้งบุตร

ข้อห้ามในการใส่ห่วงอนามัย

1. ทราบหรือสงสัยว่าตั้งครรภ์
2. แพ้ต่อส่วนประกอบใด ๆของห่วงอนามัย
3. มีการติดเชื้อในอวัยวะอุ้งเชิงกราน หากมีความผิด ปกติควรรรักษาให้หายปกติอย่างน้อย 3 เดือน
4. โพรงมดลูกผิดรูปอย่างรุนแรง
5. มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่ยังไม่ทราบสาเหตุ
6. มีภาวะแท้งติดเชื้อ (septic abortion) หรือภายในเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบหลังคลอด (postpartum endometritis) ภายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ข้อดีของการใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

1. ห่วงอนามัยคุมกำเนิดออกฤทธิ์เฉพาะที่อวัยวะภายใน จึงมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการคุมกำเนิดแบบฉีด ฝังและรับประทาน
2. สามารถคุมกำเนิด ได้นานอย่างน้อย 5 ปี
3. สามารถใช้ได้กับแม่ที่ให้นมบุตร และผู้ที่มีน้ำหนัก ตัวมาก
4. หากเกิดภาวะไม่พึงประสงค์จากห่วงอนามัยคุมกำเนิด สามารถถอดห่วงคุมกำเนิดออกได้ทันที

ข้อเสียของการใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

1. ห่วงอนามัยจะต้องใส่และถอดโดยแพทย์เท่านั้น
2. ต้องตรวจภายในก่อนใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด
3. บางรายอาจมีอาการปวดเกร็งมดลูกและมีเลือดออกผิดปกติได้ มักเป็นในช่วง 3 เดือนแรกหลังใส่ห่วง
4. สายจากห่วงอนามัยคุมกำเนิดอาจรบกวนการมี เพศสัมพันธ์ได้ในผู้ป่วยบางราย

ภาวะแทรกซ้อน (พบได้น้อยมาก)

1. อาจเกิดการติดเชื้อและอักเสบในอุ้งเชิงกราน
2. มดลูกทะลุ

คำแนะนำหลังใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

1. หากมีอาการปวดเกร็งท้องน้อย สามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น Paracetamol ได้ โดยในช่วง 2- 3 เดือนแรกอาจมีเลือดออกกระปริดกระปรอยเล็กน้อยหรือมีตกขาวเพิ่มขึ้น หากมากผิดปกติ ควรมาพบแพทย์
2. งดร่วมเพศหลังใส่ห่วงประมาณ 7 วัน
3. มารับการตรวจห่วงในระยะ 1, 3, 6, 12 เดือน และปีละครั้ง
4. ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศภายนอกไปตามปกติ
5. เช็คสายห่วงด้วยตนเองหลังหมดประจำเดือน 7 วัน โดยเช็คทุกเดือนและหลังร่วมเพศ โดยล้างมือให้สะอาด ตัดเล็บให้สั้น แล้วสอดนิ้วชี้เข้าไปจนสุดนิ้วจะคลำได้ปากมดลูกเป็นก้อนกลมแข็ง และคลำดูสายไนลอนเส้นเล็กๆ ที่ปากมดลูก กรณีที่คลำแล้วไม่พบสายห่วงควรรีบไปพบแพทย์

การเอาห่วงอนามัยออก

1. ครบอายุการใช้งานของห่วงอนามัยแต่ละชนิด
2. ต้องการมีบุตร
3. เมื่อต้องการเปลี่ยนไปใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่น
4. ถึงวัยหมดประจำเดือน
5. หากมีเลือดระดูออกทางช่องคลอดมากหรือนานกว่าปกติ มีอาการปวดหน่วงท้องอย่างรุนแรงหรือมีไข้สูงมากกว่าหรือเท่ากับ 38 องศาเซลเซียส ควรรีบมาพบแพทย์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

คลินิกนรีเวชกรรม

  • โทร 02 849 6600 ต่อ 1571 , 1572

บทความที่เกี่ยวข้อง

GJ E-Magazine เล่มที่ 27

GJ E-Magazine ฉบับที่ 27 (เดือนเมษายน 2567) “โรคปอดกับการสูบบุหรี่” คลิกที่นี่เพื่ออ่าน   ไฟล์ขนาดใหญ่สำหรับพิมพ์ : คลิกที่นี่

มะเร็งปอด

มะเร็งปอด นพ.คมน์สิทธิ์ ทองธรรมชาติ (อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา) มะเร็งปอดคืออะไร มะเร็งปอดคือโรคที่เซลล์ในหลอดลมหรือถุงลมเจริญเติบโตมากผิดปกติจนเป็นก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ และสามารถแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ มะเร็งปอดแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ 2 ชนิด คือ ชนิดเซลล์ขนาดเล็ก และ ชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็ก ซึ่งกลุ่มหลังพบได้ 90% ของมะเร็ง และกลุ่มนี้ยังแยกย่อยออกไปเป็นชนิดต่าง ๆ เช่น adenocarcinoma ซึ่งปัจจุบันมีการรักษาด้วยยากลุ่มใหม่ๆ เกิดขึ้นและมีผลการตอบสนองต่อการรักษาค่อนข้างดีมาก   อาการเริ่มแรกของมะเร็งปอดเป็นอย่างไร อาการของโรคขึ้นอยู่กับตำแหน่งของตัวก้อนมะเร็ง เช่น หากอยู่ใกล้หลอดเลือดและหลอดลมอาจจะมีอาการเหนื่อย ไอเป็นเลือด หากอยู่ในกระดูกจะมีอาการปวดกระดูกอย่างมาก หากอยู่ในตับอาจจะมีอาการปวดท้อง ตับโต และการทำงานของตับอาจจะผิดปกติ หากอยู่ที่สมองอาจจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นต้นสำหรับอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย เช่น มีอาการไอเรื้อรัง เหนื่อย หายใจไม่สะดวก มีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด โดยไม่ทราบสาเหตุ ปอดอักเสบติดเชื้อบ่อย ๆ   สาเหตุของมะเร็งปอด การสูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่มาเป็นเวลานาน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด เช่น สูบบุหรี่ 10 มวน/วัน เป็นระยะเวลา 20 […]

GJ E-Magazine เล่มที่ 26

GJ E-Magazine ฉบับที่ 26 (เดือนมกราคม 2567) “โรคที่พบในเด็ก” คลิกที่นี่เพื่ออ่าน   ไฟล์ขนาดใหญ่สำหรับพิมพ์ : คลิกที่นี่

ปอดอักเสบในเด็ก

ปอดอักเสบในเด็ก โดย พญ. พิชญา สถิตพัฒนพันธ์ กุมารแพทย์โรคระบบการหายใจ   รู้จักโรคปอดอักเสบ ปอดบวม / ปอดอักเสบ (Pneumonia) การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่าง ได้แก่ เนื้อปอด หลอดลมฝอย อาการไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย ได้แก่ หายใจแรง หายใจเร็ว หายใจซี่โครงบาน อกบุ๋ม หายใจปีกจมูกบาน กินได้น้อยลง ซึม หลับเยอะกว่าปกติ เหนื่อย แน่นหน้าอก   ไข้หวัด (Common Cold) การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน อาการไข้ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ไม่มีอาการหายใจเหนื่อย   การตรวจที่โรงพยาบาล ซักประวัติร่างกาย วัดไข้ วัดอัตราการหายใจ วัดออกซิเจนปลายนิ้ว ฟังเสียงปอด NasoPharyngeal Swab หาเชื้อไวรัสเจาะจงเมื่อมีการระบาด ส่งตรวจเพิ่มเติม ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด   การรักษา […]