ชี่กงแก้อาการปวดคอ

ความรู้แผนจีน   ลงวันที่

อาการปวดต้นคอเป็นอาการที่พบบ่อย ปวดต้นคออาจะมีสาเหตุจากกล้ามเนื้ออักเสบเนื่องจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม หรือออาจจะมีสาเหตุจากกระดูกคอเสื่อม

สาเหตุของการปวดคอที่พบบ่อย

  1. อิริยาบถหรือท่าที่ผิดสุขลักษณะ ทำให้กล้ามเนื้อบางมัดถูกใช้งานจนเมื่อยร้าเกินไป เช่นบางคนชอบนั่งก้มหน้า หรือ หรือช่างที่ต้องเงยหน้าอยู่ตลอดเวลา ใช้หมอนสูงเกินไปวิธีแก้ต้องใช้หมอนหนุนต้นคอหรือบริเวณท้ายทอย
  2. ความเครียดทางจิตใจซึ่งอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นการงาน ครอบครัว การพักผ่อนที่ไม่พอเพียง ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อคอหดเกร็ง
  3. คอเคล็ดหรือยอก เกิดจากการที่กล้ามเนื้อคอต้องทำงานมากเกินไป เนื่องจากคอต้องเคลื่อนไหวเร็วเกินไป หรือรุนแรงเกินไปทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อถูกยืดมากจนมีการฉีกขาดบางส่วนจนเกิดอาการปวด ตัวอย่างที่ทำให้เกิดคอเคล็ดเช่น การก้มเพื่อมองหาของใต้โต๊ะ การหกล้ม
  4. ภาวะข้อเสื่อม เนื่องจากกระดูกคอต้องแบกน้ำหนักอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนแก่ ทำให้ข้อเสื่อมตามอายุมีปุ่มกระดูกหรือกระดูกงอกที่ขอบของข้อต่อ ซึ่งอาจจะไปกดทับถูกปลายประสาทที่โผล่ออกมา ภาวะข้อกระดูกเสื่อมอาจจะไม่มีอาการปวดหรือผิดปกติใดๆ แต่อาจจะพบโดยบังเอิญ
  5. อาการบาดเจ็บของกระดูกคอซึ่งอาจจะเกิดจากอุบัติเหตุต่างๆเช่น ตกที่สูง ถูกทำร้ายร่างกาย รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ ผู้ป่วยมักจะมีอาการบาดเจ็บของร่างกายส่วนอื่นด้วย
  6. ข้ออักเสบ โรคข้ออักเสบเรื้อรังบางชนิดอาจจะทำให้กระดูกต้นคออักเสบด้วย เช่นข้ออักเสบรูมาตอยด์

การรักษาโดยแพทย์ทางเลือก

การรักษาโดยแพทย์ทางเลือกจะช่วยผ่อนคลายอาการปวดคอให้ท่านได้ โดยวิธีการดังต่อไปนี้

  1. การฝังเข็ม
  2. การนวด
  3. การประคบร้อน
  4. การใช้ Laser
  5. การดึงคอ

คำว่า “ชี่” นั้นแปลว่า ลม ปราณ หรือพลังงาน ซึ่งไหลเวียนอยู่ภายในและภายนอกร่างกาย ดังที่เรียกกันว่า พลังชีวิต ส่วน “กง” นั้นแปลว่า ความชำนาญที่เกิดจากการฝึกฝน ดังนั้น “ชี่กง” จึงหมายถึง พลังอันได้รับจากการฝึกฝนทางกายและทางจิต โดยการทำกายบริหารที่หลอมรวมทั้งร่างกาย จิตใจ และการกำหนดลมหายใจเข้าด้วยกัน การฝึกชี่กงจะช่วยบริหารร่างกายทุกส่วน ทั้งกล้ามเนื้อต่างๆ เอ็น ข้อต่อ กระดูก รวมทั้งเป็นการเสริมพลังงานจากธรรมชาติเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการปรับสมดุลร่างกาย ช่วยบำรุงเซลล์และอวัยวะที่อ่อนแอ ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

ชี่กงแก้อาการปวดคอบ่า

ชี่กงแก้อาการปวดคอบ่าที่จะได้ฝึกนี้ เป็นการเลียนแบบมาจากลักษณะท่าทางของวานร ซึ่งอยู่ในกระบวนท่าชุด “อู่ฉินซี่” โดยเริ่มต้นฝึกดังนี้

  1. กางมือและยกขึ้น
  2. จีบมือและยกขึ้นถึงระดับอก
  3. ยกบ่าขึ้นและหันหน้าไปทางซ้าย
  4. หันหน้ากลับและคลายจีบ
  5. ลดมือลงแนบลำตัว
  6. กางมือและยกขึ้น
  7. จีบมือและยกขึ้นถึงระดับอก
  8. ยกบ่าขึ้นและหันหน้าไปทางขวา
  9. หันหน้ากลับ คลายจีบ และลดมือลงแนบลำตัว

อ้างอิงจาก : วารสารสำนักการแพทย์ทางเลือกปีที่ 6 ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน 2556 , www.siamhealth.net , www.zhihu.com

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

คลินิกแพทย์แผนจีน

  • โทร 02 849 6600 ต่อ ต่อ 4018

บทความที่เกี่ยวข้อง

หยิน-หยาง

หยิน-หยาง พจ.ลดาวรรณ โชติกุลวรพฤกษ์ :  ผู้แปลและเรียบเรียง หากพูดถึงการแพทย์แผนจีน หลายคนนอกจากจะนึกถึงการฝังเข็มแล้ว ยังอาจจะนึกถึงสัญลักษณ์หยิน-หยาง หรือสัญลักษณ์รูปร่างกลมที่มีสีขาวและสีดำนั้นเอง ความหมายและความสำคัญของหยิน-หยาง หยินและหยาง (阴阳Yin-Yang) เป็นแนวคิดปรัชญาของชาวจีนที่มีมาแต่โบราณกาล ได้จากการสังเกตและค้นพบลักษณะที่สำคัญของธรรมชาติ ว่าสิ่งต่าง ๆ ประกอบด้วย 2 ด้าน ซึ่งขัดแย้งกัน ต่อสู้กัน พึ่งพากัน แยกจากกันไม่ได้  โดย สีดำแทนหยิน สีขาวแทนหยาง มีการกล่าวถึง หยิน-หยาง เป็นครั้งแรก ซึ่งถูกบันทึกในคัมภีร์อี้จิง《易经》ในสมัยโบราณหยินและหยาง จึงถูกนำมาใช้ในวิชาการ เช่น การพยากรณ์อากาศ ภูมิศาสตร์-ฮวงจุ้ย ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และหมายรวมถึงการแพทย์แผนจีนด้วย บทความนี้จะกล่าวถึงหนึ่งในการดูแลสุขภาพตามหลักการแพทย์แผนจีน นั้นคือการรับประทานอาหาร หรืออาหารเป็นยาได้อย่างไร ก่อนอื่นเราต้องเช็คร่างกายเราก่อนว่ามีลักษณะเป็นไปในทางหยิน หรือ หยาง ?จากนั้นเราก็จะสามารถเลือกอาหารหยินหรืออาหารหยางได้ว่าเราควรทานอาหารลักษณะแบบไหน ลักษณะร่างกายหยิน พูดเสียงเบา ตกใจง่าย ค่อนข้างเก็บตัว หายใจเบา ชีพจรเต้นช้า หน้าซีดขาว ขี้หนาว แขนฝ่ามือ ฝ่าเท้าและขาเย็น กินอาหารได้น้อยไม่ค่อยเจริญอาหาร ท้องอืดง่ายหรือระบบย่อยไม่ค่อยดี ไม่ค่อยกระหายน้ำ […]

การนวดทุยหนา

การนวดทุยหนา (TUINA) โดย พจ. รณกร โลหะฐานัส การนวดทุยหนา เป็นการปรับสมดุลลมปราณภายในร่างกาย เพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวด และความเมื่อยล้า ลมปราณที่ติดขัด หรือเลือดที่หมุนเวียนไม่สะดวก การนวด จะนวดตามเส้นลมปราณ หรือจุดฝังเข็ม โดยการใช้ศอก มือ และส่วนต่าง ๆ ของมือแทนการใช้เข็ม การรักษาด้วยวิธีนวดทุยหนา จะเน้นด้านเทคนิค ฝีมือการพลิกแพลง ใช้เทคนิคการนวดด้วยมือหลายรูปแบบในการรักษา เช่น การทุบ ตบ คลึงกล้ามเนื้อ กดจุด บีบ บิด โยก หมุน รวมไปถึงการจัดเส้นเอ็น กระดูก คลายประสาท กระตุ้นให้เลือดหมุนเวียน เลือดลมเดินสะดวก คลายเส้น ปรับสมดุลหยิน-หยาง รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เป็นต้น ทั้งนี้ แพทย์ผู้ทำการนวดทุยหนาจะต้องมีทักษะและผ่านการฝึกอบรม การนวดทุยหนาจะใช้เวลาประมาณ 20– 30 นาที   ขั้นตอนในการนวดทุยหนา ขั้นแรก นวดเพื่อกระตุ้น : เป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ […]

โรคภูมิแพ้กับแพทย์ทางเลือก

โรคภูมิแพ้กับแพทย์ทางเลือก พจ. ธีรวุฒิ ชาญศิริเจริญกุล   โรคภูมิแพ้(hypersensitivity)โรคที่เกิดจาการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารเกิดภูมิแพ้ เช่นอาหาร ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ซึ่งจะทำให้เกิดการตอบสนองอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาการที่พบได้เช่นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก มีน้ำมูก จาม ไอ หอบหืด หรือผื่นคันตามตัว คันตา คันจมูก ข้อควรทำ4 ข้อ คือ หลีกเลี่ยง กำจัด รักษา ป้องกัน หลีกเลี่ยงสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น หลีกเลี่ยง อาหารที่ก่อให้เกิดการแพ้ ควันบุหรี่ หรือช่วงเวลาที่มีการฟุ้งกระจายของละอองเกสรดอกไม้ กำจัดสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น ผ้าปูที่นอนก็ควรนำไปซักน้ำอุ่นทุกอาทิตย์ การรักษา ในทางของการแพทย์แผนปัจจุบัน จะพิจารณาให้ยาแก้แพ้ (antihistamine) หรือยากลุ่ม สเตียรอยด์ได้ ในรูปแบบของการกิน ทาผิว หรือพ่นจมูกได้ ซึ่งในมุมของแพทย์แผนจีนโรคภูมิแพ้เกิดได้จากสาเหตุ ลมเย็น หรือความชื้นทำให้อวัยวะภายในเสียสมดุลได้แก่ ปอด ม้าม ไต การรักษาของทางแพทย์แผนจีน สามารถทำได้หลายวิธี เช่น 1.การฝังเข็มซึ่งจุดที่เลือกใช้ได้แก่ […]

การฝังเข็มเลิกบุหรี่

จากการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลการสูบบุหรี่ในประเทศไทย พบว่า ผลการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากรในปี 2564 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 57 ล้านคน พบว่า ผู้สูบบุหรี่ 9.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.4 ซึ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบจากปี 2560 ซึ่งสูงถึงร้อยละ 19.1(กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค) ถึงแม้ว่าการเสพติดบุหรี่ เป็นปัญหาที่สำคัญทางสังคมและการแพทย์ ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมนุษย์ เนื่องจากบุหรี่มีสารพิษมากกว่า100ชนิดที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบด้านสุขภาพที่ทำให้เกิดโรคร้ายจากการสูบบุหรี่ ทั้งนี้บุหรี่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคปอดอักเสบ โรคมะเร็ง อายุขัยสั้นลง เกิดความพิการของทารกในครรภ์ ฯลฯ นอกจากนี้ควันบุหรี่มีผลกับสมองและระบบประสาทซึ่งในควันบุหรี่มีสารนิโคตินที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท สารนี้สามารถผ่านไปสู่สมองภายในเวลา10-20วินาที หลังจากดูดบุหรี่แต่ละครั้งปริมาณนิโคตินในเลือดค่อยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งสารนิโคตินมีฤทธิ์เพิ่มการหลั่งสารสื่อประสาทโดปามีน (Dopamine) ที่ควบคุมความรู้สึกและอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเคลิ้มสุข(Euphoria) ความรู้สึกสุขสบายนี้จะเกิดขึ้นในการสูบบุหรี่ครั้งแรก ๆ เมื่อสูบบุหรี่ติดต่อไปในระยะหนึ่งจะเกิดการดื้อทำให้แม้ผู้สูบจะสูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานานก็ไม่เกิดความรู้สึกสุขสบายจากการสูบบุหรี่แต่ต้องสูบบุหรี่เพื่อระงับภาวะถอนยา หรือภาวะอยากยาทางจิต (Psychological Withdrawal Syndrome) ทำให้เกิดอาการต่างๆได้แก่ เครียด หงุดหงิด ฉุนเฉียว กระวนกระวาย […]