วัคซีนในวัยรุ่น

ความรู้เด็ก   ลงวันที่

วัคซีนในวัยรุ่น

โดย นายแพทย์ภัคนันท์ ตรงจิตการุณย์ กุมารแพทย์

วัยรุ่น หมายถึง กลุ่มอายุระหว่าง 11-25 ปี วัคซีนในวัยรุ่นส่วนใหญ่เป็นวัคซีนต่อเนื่อง ใช้สำหรับการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

วัยรุ่นมักมีการรวมกลุ่ม ทำกิจกรรมเป็นหมู่คณะ เมื่อมีโรคติดต่อ อาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อวงกว้าง ส่งผลต่อการเรียนและสังคม ดังนั้นวัคซีนในวัยรุ่นจึงมีความจำเป็น วัคซีนที่วัยรุ่นควรได้รับให้ครบถ้วน มีดังนี้

  1. วัคซีนตับอักเสบบี
    1. โรคตับอักเสบบีก่อให้เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง ไวรัสตับอักเสบบีติดต่อทางเลือด สารคัดหลั่งและเพศสัมพันธ์
    2. เด็กและวันรุ่นทุกคนควรฉีดครบ 3 เข็ม หากได้รับไม่ครบสามารถฉีดต่อได้ หากไม่เคยได้รับมาก่อน ต้องฉีด 3 เข็ม
  2. วัคซีนหัด หัดเยอรมัน คางทูม
    1. เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น
    2. สำหรับวัยรุ่นที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ควรได้รับวัคซีน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์
  3. วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี
    1. เป็นวัคซีนจำเป็น เนื่องจากเป็นโรคประจำถิ่นที่มีความรุนแรง
    2. เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น
    3. สำหรับวัยรุ่นที่ไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ควรได้รับวัคซีน 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 3-12 เดือน ขึ้นกับชนิดของวัคซีน
  4. วัคซีนตับอักเสบเอ
    1. ไวรัสตับอักเสบเอติดต่อทางการกิน ก่อให้เกิดโรคตับอักเสบและตับวายเฉียบพลันได้
    2. ปัจจุบันมีวัคซีนตับอักเสบเอชนิดฉีด 1 เข็ม เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น และวัคซีนฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย
  5. วัคซีนอีสุกอีใส
    1. โรคอีสุกอีใสในวัยรุ่นมีความรุนแรงสูง
    2. ควรฉีดวัคซีนนี้ในวัยรุ่นทุกคนที่ยังไม่เป็นโรคและไม่เคยฉีดวัคซีน
    3. โดยฉีด 2 เข็มห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน ถ้าอายุมากกว่า 13 ปี ฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
  6. วัคซีนบาดทะยัก คอตีบ ไอกรน
    1. วัยรุ่นอาจสัมผัสเชื้อบาดทะยักทางบาดแผลอุบัติเหตุ
    2. แนะนำให้วัคซีนคอตีบ-ไอกรน-บาดทะยักที่อายุ 11-12 ปี และหลังจากนั้นกระตุ้นด้วยวัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก ทุก 10 ปี
    3. หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับวัคซีนบาดทะยัก คอตีบ ไอกรน ที่อายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์ในทุกการตั้งครรภ์
  7. วัคซีนเอชพีวี
    1. ป้องกันการเกิดหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ กล่องเสียง และป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งอวัยวะเพศและทวารหนัก
    2. วัคซีนมีหลายชนิด คือ วัคซีนชนิด 2 และ 4 สายพันธุ์ และล่าสุดมีวัคซีนชนิด 9 สายพันธุ์
    3. แนะนำฉีดในวัยรุ่น อายุ 9-26 ปี ฉีด 3 เข็ม และในวัยรุ่นแข็งแรงดี หากเข็มแรกฉีดก่อนอายุ 15 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม
    4. ประสิทธิภาพของวัคซีนจะสูง ในผู้ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
  8. วัคซีนไข้หวัดใหญ่
    1. วัคซีนมี 2 ชนิด คือ วัคซีนชนิด 3 และ 4 สายพันธุ์
    2. แนะนำฉีดวัคซีนในวัยรุ่นทุกปี ปีละ 1 เข็ม เนื่องจากสายพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงทุกปี
  9. วัคซีนไข้เลือดออก
    1. ฉีดได้ในผู้มีอายุ 9-45 ปี ฉีด 3 เข็ม
    2. แนะนำฉีดในผู้ที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน สำหรับผู้ไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกควรตรวจเลือดก่อนการฉีดวัคซีน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ปอดอักเสบในเด็ก

ปอดอักเสบในเด็ก โดย พญ. พิชญา สถิตพัฒนพันธ์ กุมารแพทย์โรคระบบการหายใจ   รู้จักโรคปอดอักเสบ ปอดบวม / ปอดอักเสบ (Pneumonia) การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่าง ได้แก่ เนื้อปอด หลอดลมฝอย อาการไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย ได้แก่ หายใจแรง หายใจเร็ว หายใจซี่โครงบาน อกบุ๋ม หายใจปีกจมูกบาน กินได้น้อยลง ซึม หลับเยอะกว่าปกติ เหนื่อย แน่นหน้าอก   ไข้หวัด (Common Cold) การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน อาการไข้ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ไม่มีอาการหายใจเหนื่อย   การตรวจที่โรงพยาบาล ซักประวัติร่างกาย วัดไข้ วัดอัตราการหายใจ วัดออกซิเจนปลายนิ้ว ฟังเสียงปอด NasoPharyngeal Swab หาเชื้อไวรัสเจาะจงเมื่อมีการระบาด ส่งตรวจเพิ่มเติม ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด   การรักษา […]

ภูมิแพ้สัตว์เลี้ยงที่มีขน

สัตว์เลี้ยงที่มีขน สัตว์เลี้ยงที่มีขน เช่น แมว สุนัข กระต่าย หนูตะเภา หนูแฮมสเตอร์ เป็นต้น  มีสารก่อภูมิแพ้ที่มาจากรังแค ขน หรือสิ่งขับถ่ายของสัตว์ สารก่อภูมิแพ้จากแมวและสุนัขมีขนาดเล็ก ทำให้ลอยอยู่ในอากาศได้นาน ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการของโรคภูมิแพ้หลังเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีแมวและสุนัข แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสโดยตรง สารก่อภูมิแพ้เหล่านี้มีลักษณะเหนียว จึงสามารถติดตามพื้นผิวเฟอร์นิเจอร์ เบาะผ้า ผ้าม่าน ที่นอน และเสื้อผ้าได้ง่าย   การควบคุมและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จากขน รังแคสัตว์ หากมีการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์ ควรงดเลี้ยงสัตว์ หรือนำสัตว์เลี้ยงออกจากบ้าน ในกรณีที่ต้องเลี้ยงไว้ภายในบ้าน ควรอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ทำความสะอาดพรม และเฟอร์นิเจอร์ที่เก็บฝุ่นให้สะอาด เพราะเป็นแหล่งสะสมของสารก่อภูมิแพ้ ใช้เครื่องฟอกอากาศชนิดพิเศษแบบ HEPA fitter จะช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ จากสัตว์เลี้ยงที่มีขนได้

วิธีการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ

อาการคัดจมูกและมีน้ำมูกมาก จะพบได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้และเป็นโรคโพรงไซนัสอักเสบ อาการดังกล่าวสามารถที่จะรักษาได้ โดยการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ  น้ำเกลือที่ผ่านเข้าไปในจมูกจะชะล้างน้ำมูก หนอง และสารที่ไม่ต้องการออกจากโพรงจมูก ทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้นและหายจากโรคได้เร็วขึ้น           วิธีการ เตรียมน้ำเกลือโดยใช้น้ำต้มสุก หรือน้ำสะอาดสำหรับดื่มปริมาณ 500 ซีซี ใส่เกลือสะอาดประมาณ 1 ช้อนชา เขย่าผสมเข้ากันให้หรือ ใช้น้ำเกลือความเข้มข้น 9% หรือน้ำเกลือของสำหรับล้างจมูก ซึ่งหาซื้อได้จากโรงพยาบาลหรือตามร้านขายยา เทน้ำเกลือที่ผสมแล้วลงในแก้วสะอาดแล้วใช้กระบอกฉีดยาขนาด 10-20 ซีซี ดูดน้ำเกลือเข้าไปให้เต็ม ยืนใกล้อ่างน้ำ ก้มหน้าเล็กน้อยสอดกระบอกฉีดยาเข้าไปในรูจมูก พ่นน้ำเกลือเข้าในจมูกขณะที่กลั้นหายใจ น้ำเกลือจะถูกพ่นเข้าไปสู่โพรงจมูกแล้วไหลออกมาข้างเดียวกัน หรือออกมาจากรูจมูกอีกข้างหนึ่งหรืออาจจะไหลลงคอ บางครั้งอาจจะมีหนองไหลออกมาด้วย ทำทั้ง 2 ข้างล้างจนกว่าไม่มีน้ำมูกเหลือค้างในจมูกอาจจะแสบจมูกเล็กน้อย   หมายเหตุ หลังจากที่ล้างจมูกแล้ว ผู้ป่วยอาจจะจาม และมีน้ำมูกไหลออกมาอีกได้ ให้สั่งน้ำมูกให้หมด (หรือล้างจมูกอีกครั้งหนึ่ง) แล้วพ่นยา พ่นจมูก ตามที่แพทย์แนะนำ ไม่ควรชะล้างจมูกในช่วงที่จมูกมีเลือดออกได้ง่าย หรือในกรณีที่แพทย์ไม่แนะนำให้ล้างจมูก

ละอองเกสรจากหญ้าต้นไม้ และ วัชพืช

ละอองเกสรจากหญ้าต้นไม้ และ วัชพืช สารก่อภูมิแพ้จากละอองเกสรจากหญ้า ต้นไม้ และวัชพืชสามารถก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหืด โรคเยื่อจมูกและตาอักเสบจากภูมิแพ้ เป็นต้น ซึ่งละอองเกสรเหล่านี้จะมีอนุภาคขนาดเล็ก สามารถปลิวได้ใกลหลายกิโลเมตร ทำให้เกิดอาการในผู้ที่แพ้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ปลูกต้นไม้ หรือหญ้าไว้ในบ้านก็ตาม โดยชนิดและปริมาณของละอองเกสรจะแตกต่างกันตามฤดูกาลและภูมิประเทศ   ละอองเกสรพืชที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ในประเทศไทย ได้แก่ เกสรหญ้าแพรก (Bermuda grass) เกสรหญ้าพง (Johnson grass) เกสรวัชพืช เช่น ผักโขม (Careless weed) สปอร์ของเฟิร์นต่างๆ เกสรพืชยืนต้น เช่น กระดินณรงค์ (Acacia) กระถิ่นณรงค์ (Acacia)   การควบคุมและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จากละอองเกสร ควรเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำสระผม เมื่อสัมผัสหรือกลับจากบริเวณที่มีละอองเกสรหญ้า วัชพืช และต้นไม้ ควรปิดประตูหน้าต่าง ในช่วงฤดูที่มีการกระจายของละอองเกสรโดยเฉพาะเดือนกันยายน – กุมภาพันธ์ของทุกปี เพราะจะมีการกระจายของละอองเกสร มากในประเทศไทย การติดตั้งเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศระบบ HEPA filter อาจช่วย ลดสารก่อภูมิแพ้จากละอองเกสรได้ […]