การนอนสำคัญไฉน และนอนอย่างไรให้สุขภาพดี

การนอนสำคัญไฉน และนอนอย่างไรให้สุขภาพดี

น.พ. นพดล ตรีประทีบศิลป์

                การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญของสิ่งที่มีชีวิตไม่น้อยไปกว่าการได้รับประทานอาหารที่ดี และการได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ สังเกตได้ว่ามนุษย์เราใช้เวลาถึง 1 ใน 3 ของชีวิตไปกับการนอนหลับ การนอนหลับนั้นเป็นช่วงที่อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือดได้พักผ่อน เพราะร่างกายเรานอนนิ่ง ไม่ได้ออกแรงใด ๆ จึงไม่ต้องการการสูบฉีดโลหิตมากเท่าไรนัก นอกจากนี้ ในขณะที่มนุษย์นอนหลับนั้นจะมีการซ่อมแซมส่วนสึกหรอของร่างกาย และการปรับสมดุลของสารเคมีต่าง ๆ ในร่างกาย และที่สำคัญในระหว่างที่มนุษย์นอนหลับนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่สมองทำการเรียบเรียงข้อมูลต่าง ๆ ที่สมองได้รับทราบในวันนั้น ๆ เข้าสู่การเรียบเรียงและจัดเก็บให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้สามารถดึงมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงนับได้ว่าการนอนเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ทำให้สมองเกิดการจดจำและมีพัฒนาการตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการนอนหลับที่เหมาะสมโดยทั่วไปในผู้ใหญ่วัยทำงานจะเฉลี่อยู่ที่ 7 -9 ชั่วโมง นอกจากนี้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการนอนหลับยังแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

 

Q : ถ้าคนเรานอนไม่พอติดต่อกันเป็นเวลานานจะเป็นอะไรหรือไม่ และถ้าคนเรานอนมากเกินไปจะส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่

A : จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่นอนไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นเวลานานนั้นจะส่งผลต่อการเกิดสุขภาพที่ไม่พึงประสงค์ โดยส่งผลต่อการมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น การเกิดภาวะอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองในสมอง โรคซึมเศร้า รวมทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

นอกจากนี้ การนอนหลับไม่เพียงพอนั้น ยังส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่มากขึ้นกว่าปกติ และยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ในทางตรงกันข้าม การนอนหลับที่มากเกินไป อาจเป็นปกติสำหรับบุคคลบางกลุ่ม เช่น วัยรุ่น บุคคลที่นอนไม่พอมาก่อนหน้านี้ หรือบุคคลที่มีการเจ็บป่วย และจากข้อมูลในปัจจุบันยังไม่แน่ใจว่าการนอนหลับมากเกินไปนั้นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่

Q : ทำไมบางครั้งเรารู้สึกว่านอนไม่พอ

A : ความรู้สึกนอนไม่พอหรือนอนไม่อิ่มอาจเกิดจากหลายสาเหตุเบื้องต้น ควรสำรวจว่าจำนวนชั่วโมงที่นอนน้อยเกินไปหรือไม่ ถ้าน้อยเกินไปให้เพิ่มชั่วโมงการนอนหลับให้พอทั้งวันทำงานและวันหยุด แต่หากเพิ่มชั่วโมงการนอนหลับแล้วรู้สึกนอนไม่พออีกอาจเกิดจากคุณภาพการนอนหลับไม่ดี เช่น การนอนหลับถูกรบกวนจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีทำให้หลับไม่สนิท หรือมีโรคจากการนอนหลับ เช่น นอนหลับและหยุดหายใจขณะหลับ โรคขากระตุก เป็นต้น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไข

Q : การออกกำลังกายมีผลต่อการนอนหลับอย่างไรบ้าง

A : การศึกษาพบว่า การออกกำลังายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที ในลักษณะของแอโรบิค เช่น การเดิน การวิ่ง เป็นต้น จะช่วยทำให้การนอนหลับเกิดขึ้นได้ดี และต่อเนื่องตลอดคืนมากขึ้น เทียบกับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย แต่ควรเป็นช่วงเช้าหรือเย็น ไม่ควรออกกำลังกายใกล้เวลาที่จะนอน เพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัว ไม่พร้อมที่จะเข้าสู่การนอนหลับ

Q : เมื่อไหร่ควรจะปรึกษาแพทย์ด้านการนอน

A : โดยทั่วไปแล้ว ควรจะปรึกษาแพทย์เมื่อมีปัญหาในการนอนต่อเนื่องกันเป็นเดือน ทั้ง ๆ ที่ได้ปฏิบัติตามที่แพทย์ได้แนะนำอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาที่เร่งด่วน เช่น ตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยอาการเจ็บหน้าอก หรือหายใจไม่ออก หรือมีอาการง่วงผิดปกติในระหว่างวัน เช่น งีบหลับหรือหลับในขณะขับรถ หรือมีภาวะนอนไม่หลับจนทำให้การทำงานหรือชีวิตประจำวันมีปัญหาก็ควรรีบปรึกษาแพทย์

 

โดยสรุป การนอนนั้นเป็นสิ่งสำคัญของชีวิต โดยคิดเป็นระยะเวลา 1/3 ของวัน และระยะเวลาการนอนหลับที่เพมาสมนั้นเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน

ข้อดีของการนอนหลับที่ดี คือเป็นขบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่าง ๆ  ของร่างกายจากการปรับสมดุลของสารเคมีต่าง ๆ หัวใจและหลอดเลือดได้พักผ่อน และเป็นขบวนการเรียบเรียงและจัดเก็บในสมอง พร้อมดึงกลับมาใช้และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

ข้อเสีย หรือผลจากการอดนอนเป็นเวลานาน ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดในสมอง โรคซึมเศร้า มีภาวะอ้วน และเสี่ยงต่อเบาหวาน รวมไปถึงความจำและสมาธิที่แย่ลง ภูมิคุ้มกันลดลง อาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียส่งผลต่อประสิทธิภาพ การทำงานที่ลดลง และอุบัติเหตุที่อาจเกิดเพิ่มขึ้น

เหตุที่เรารู้สึกว่านอนไม่พอ หรือนอนไม่อิ่ม อาจเกิดจากการนอนน้อยเกินไป แต่หากนอนเพียงพอแล้ว อาจเกิดจากคุณภาพการนอนหลับที่ไม่ดีจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น สิ่งแวดล้อม หรือการนอนกรน หรือโรคจากการนอนหลับต่าง ๆ

หากมีปัญหาเรื่องงการนอนต่อเนื่องเป็นเดือน ๆ หรือตื่นมากลางดึกด้วยอาการเจ็บหน้าอก ง่วงนอนมากผิดปกติระหว่างวัน  มีการขับรถหลับใน หรือนอนไม่พอจนชีวิตประจำวันมีปัญหาก็ควรรีบปรึกษาแพทย์

———————————————————————————————————–

คลินิกโสต ศอ นาสิก ลาริงซ์ (ENT) ให้บริการวินิจฉัยและรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับหู คอ จมูก ได้แก่ โรคในช่องปาก ลำคอ ทอมซิลอักเสบ เสียงแหบ กลืนอาหารลำบาก ไทรอยด์ โรคภูมิแพ้ทางจมูก หวัดเรื้อรัง จมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ โรคทางหู หูอื้อ หูน้ำหนวก หูอักเสบ รูหน้าใบหู โรคเวียนศีรษะจากน้ำในหูไม่เท่ากัน รวมถึงการรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดทอมซิล ไทรอยด์ ก้อนบริเวณหูและคอ และการตรวจรักษาในรายที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินด้วยเครื่องมือพิเศษ OAE, Audiogram, Tympanometry, ABR

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

-ในเวลาราชการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. โทร 02-849-6600 ต่อ 2571-2574

 

ศูนย์ตรวจการนอนหลับกาญจนาภิเษก ให้บริการตรวจวิเคราะห์ และวินิจฉัยโรคต่าง ๆ แก่ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติจากการนอนหลับ และบริการให้คำปรึกษา และคำแนะนำการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เพื่อใช้รักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA)
เปิดให้บริการทุกวัน 8.00 – 20.00 น. โทร 0613849154 หรือไลน์แอด @sleeplabgj

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติ่ม

บทความที่เกี่ยวข้อง

มะเร็งปอด

มะเร็งปอด นพ.คมน์สิทธิ์ ทองธรรมชาติ (อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา) มะเร็งปอดคืออะไร มะเร็งปอดคือโรคที่เซลล์ในหลอดลมหรือถุงลมเจริญเติบโตมากผิดปกติจนเป็นก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ และสามารถแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ มะเร็งปอดแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ 2 ชนิด คือ ชนิดเซลล์ขนาดเล็ก และ ชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็ก ซึ่งกลุ่มหลังพบได้ 90% ของมะเร็ง และกลุ่มนี้ยังแยกย่อยออกไปเป็นชนิดต่าง ๆ เช่น adenocarcinoma ซึ่งปัจจุบันมีการรักษาด้วยยากลุ่มใหม่ๆ เกิดขึ้นและมีผลการตอบสนองต่อการรักษาค่อนข้างดีมาก   อาการเริ่มแรกของมะเร็งปอดเป็นอย่างไร อาการของโรคขึ้นอยู่กับตำแหน่งของตัวก้อนมะเร็ง เช่น หากอยู่ใกล้หลอดเลือดและหลอดลมอาจจะมีอาการเหนื่อย ไอเป็นเลือด หากอยู่ในกระดูกจะมีอาการปวดกระดูกอย่างมาก หากอยู่ในตับอาจจะมีอาการปวดท้อง ตับโต และการทำงานของตับอาจจะผิดปกติ หากอยู่ที่สมองอาจจะมีอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นต้นสำหรับอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย เช่น มีอาการไอเรื้อรัง เหนื่อย หายใจไม่สะดวก มีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด โดยไม่ทราบสาเหตุ ปอดอักเสบติดเชื้อบ่อย ๆ   สาเหตุของมะเร็งปอด การสูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่มาเป็นเวลานาน เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด เช่น สูบบุหรี่ 10 มวน/วัน เป็นระยะเวลา 20 […]

GJ E-Magazine เล่มที่ 26

GJ E-Magazine ฉบับที่ 26 (เดือนมกราคม 2567) “โรคที่พบในเด็ก” คลิกที่นี่เพื่ออ่าน   ไฟล์ขนาดใหญ่สำหรับพิมพ์ : คลิกที่นี่

ปอดอักเสบในเด็ก

ปอดอักเสบในเด็ก โดย พญ. พิชญา สถิตพัฒนพันธ์ กุมารแพทย์โรคระบบการหายใจ   รู้จักโรคปอดอักเสบ ปอดบวม / ปอดอักเสบ (Pneumonia) การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่าง ได้แก่ เนื้อปอด หลอดลมฝอย อาการไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย ได้แก่ หายใจแรง หายใจเร็ว หายใจซี่โครงบาน อกบุ๋ม หายใจปีกจมูกบาน กินได้น้อยลง ซึม หลับเยอะกว่าปกติ เหนื่อย แน่นหน้าอก   ไข้หวัด (Common Cold) การติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน อาการไข้ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก ไม่มีอาการหายใจเหนื่อย   การตรวจที่โรงพยาบาล ซักประวัติร่างกาย วัดไข้ วัดอัตราการหายใจ วัดออกซิเจนปลายนิ้ว ฟังเสียงปอด NasoPharyngeal Swab หาเชื้อไวรัสเจาะจงเมื่อมีการระบาด ส่งตรวจเพิ่มเติม ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด   การรักษา […]

ห่วงอนามัยคุมกำเนิด

ห่วงอนามัยคุมกำเนิด โดย พญ.สิริกุล ฐานพงษ์ และพว.วีณา อวยชัย หน่วยสูตินรีเวชกรรม ห่วงอนามัยคุมกำเนิด ( Intra Uterine Device ) เป็นอุปกรณ์ คุมกำเนิดขนาดเล็กที่ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ระยะเวลาของการคุมกำเนิดขึ้นกับชนิดของห่วงอนามัย ชนิดของห่วงอนามัย 1. ห่วงอนามัยชนิดที่มีฮอร์โมน (hormonal intrauterine device หรือ intrauterine system) มีฮอร์โมน levonorgestrel เคลือบอยู่ ทำให้ผนังมดลูกบางตัว ไม่พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนและเพิ่มความหนาของมูกที่ปากมดลูก นอกจากใช้คุมกำเนิดแล้วยังสามารถใช้รักษาความ ผิดปกติอื่น ได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ประจำเดือนมามาก หลังใส่ห่วงชนิดนี้อาจมีเลือดออกผิดปกติ ในช่วง 3 เดือนแรก จากนั้นปริมาณระดูจะค่อยๆ ลดลงจนเกิดภาวะไม่มีระดูภายใน 1 ปีหลังใส่ ตัวอย่างห่วงอนามัยที่มีฮอร์โมน ได้แก่ Mirena สามารถคุมกำเนิดได้ 5 ปี 2. ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง (copper-containing intrauterine device มีสารทองแดงที่ปล่อยออกจากห่วงอนามัย ออกฤทธิ์เพื่อกระตุ้นการอักเสบในโพรงมดลูกและขวางตัวการฝังตัวของตัวอ่อน […]